เผยเคล็ดลับสร้างแบรนด์ครีมให้กำไรพุ่ง

เผยเคล็ดลับสร้างแบรนด์ครีมให้กำไรพุ่ง

ครีม เป็นหนึ่งในเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้ เนื่องจากในปัจจุบันการดูแลผิวพรรณเป็นที่นิยมมากขึ้น และไม่ใช่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องการดูแลผิวพรรณของตนเอง ผู้ชายเองก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองแล้วเช่นกัน จึงทำให้ตลาดแบรนด์ครีมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแบรนด์ครีมต่าง ๆ เกิดขึ้นมาอย่างมีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

รับผลิตสกินแคร์

ด้วยการเติบโตนี้จึงทำให้มีผู้คนสนใจอยากจะผลิตครีมเป็นแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งการสนใจหรือความชอบนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงทำให้มีการผลิตออกมาจำหน่ายมากมายหลายแบรนด์ ถ้าหากคุณเพียงแค่อยากมีแบรนด์แต่ไม่ได้ศึกษาการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จหรือสร้างกำไรเลย แบรนด์ของคุณอาจขาดทุนได้ โดยทางในวันนี้ทาง Kovic ก็จะมาเผยเคล็ดลับสร้างแบรนด์ครีมให้กำไรพุ่งให้ผู้คนที่สนใจผลิตครีมได้นำไปปรับใช้กับแบรนด์ของตัวเองกัน

วางแผนสร้างแบรนด์ครีม

การที่จะมีสินค้า หรือครีมออกมาจำหน่ายสู่ท้องตลาดนั้น ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการวางแผนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการภายในแบรนด์เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพในการสร้างแบรนด์เบื้องต้น ในการวางแผนควรมีการตั้งเป้าหมายอย่างคร่าว ๆ เอาไว้ จัดตั้งแผนก และแจกแจงหน้าที่การรับผิดชอบการดำเนินงานด้านต่าง ๆ

อย่างเช่นถ้าเราเป็นแบรนด์ขนาดเล็ก เป็นกิจการภายในครอบครัว หรือเป็นกลุ่มเพื่อนที่ลงทุนร่วมกัน ก็ควรวางแผนแจกแจงว่าใครจะทำหน้าที่อะไร รับผิดชอบอะไร ใครดูแลบัญชี ใครติดต่อลูกค้า ใครดูแลเรื่องการส่งสินค้า ทั้งหมดนี้ต้องมีการวางแผนให้ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินงานภายในแบรนด์เป็นไปอย่างราบลื่นไม่ขัดข้อง

หาข้อมูลการผลิตแบรนด์ครีม

การจะทำครีมขาย หากไม่รู้เรื่องครีมเลยก็คงจะไม่ดีนัก คุณควรมีการหาข้อมูล ทำการค้นคว้าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับครีม รวมไปถึงข้อมูลทางด้านการออกแบบ การขาย การทำการตลาด หรือถึงแม้ว่าคุณใช้บริการโรงงานที่เป็นแหล่งครบวงจรคอยดูแลด้านต่าง ๆ ของครีมให้ตั้งแต่ต้นจนจบ คุณก็ควรมีความรู้เบื้องต้นไว้ด้วย เพื่ออย่างน้อยเวลาที่ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของคุณเอง จะได้สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าคุณใส่ใจในขั้นตอนผลิตสินค้าของแบรนด์อย่างแท้จริง

ตั้งกลุ่มเป้าหมาย

จะขายสินค้าอย่างขายแบบเลื่อนลอย ดังนั้นการมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจึงเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ กลุ่มเป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดกลไกต่าง ๆ ของสินค้า อย่างเช่นถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณต้องมาดูว่ามีสารอะไรบ้างที่ไม่สามารถใส่ไปในผลิตภัณฑ์ของคุณได้

ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศึกษา จะตั้งราคาของผลิตภัณฑ์อย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายสามารถซื้อได้อย่างต่อเนื่อง และหากกลุ่มเป้าหมายคือ หนุ่มสาววัยทำงาน จะเน้นให้ผลิตภัณฑ์ของคุณดูแลในเรื่องใด กันแดด กันริ้วรอย ช่วยเรื่องความหมองคล้ำจากมลภาวะ หรือปกป้องผิวจากแสงคอมพิวเตอร์ จะเห็นได้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะกำหนดทิศทางของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์

สร้างคาแรคเตอร์ให้แบรนด์

หลังจากที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายแล้ว อันดับต่อมาก็คือการวางคาแรคเตอร์ให้กับแบรนด์ เพื่อความสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น โดยเริ่มต้นตั้งแต่วางคอนเซ็ปต์สินค้าว่ามีที่มาอย่างไร จุดขายของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวโยงกับความต้องการของลูกค้าและภาพรวมของการวางแผนการสื่อสารกับลูกค้า ว่าจะใช้ข้อความ หรือจุดขายอย่างไรให้เข้าถึงและตรงใจกับลูกค้ามากที่สุด ทั้งนี้คาแรคเตอร์แบรนด์ถือเป็นหัวใจสำหรับผลิตภัณฑ์ เพราะสินค้าทุกชิ้นที่วางขาย ต้องคงคาแรคเตอร์และคอนเซ็ปต์ของแบรนด์เพื่อให้ลูกค้าผูกพันกับตัวสินค้า

แผนการตลาด

การวางแผนการตลาดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ ในการเป็นเจ้าของแบรนด์โดยเฉพาะแบรนด์ครีมซึ่งมีการแข่งขันสูง กลุ่มเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดวางแผนการทำการตลาดให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้จะต้องสอดคล้องกับการตั้งราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาดอีกด้วย เทคนิคสำคัญของการตั้งราคาอยู่กลุ่มลูกค้าของคุณ ยินดีจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาเท่าไหร่ และสินค้านั้นคุ้มค่าที่กลุ่มลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อหรือไม่

เจาะลึกสูตรครีม

เมื่อคุณจะเริ่มทำครีมขาย คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าครีมที่ขายในท้องตลาดมีแบบไหนบ้าง และกลุ่มลูกค้านิยมครีมประเภทไหนอยู่ เพื่อที่คุณจะได้รู้ความต้องการของลูกค้าและสามารถกำหนดเนื้อผลิตภัณฑ์ในสินค้าของคุณได้ ซึ่งปัจจุบันประเภทครีมเป็นที่นิยมในท้องตลาดมักเป็นลักษณะเนื้อครีม เจล เจลลี่ เอสเซ้นส์ หรืออื่น ๆ ยอกจากนี้ยังสามารถแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกได้ดังนี้

  • Whitening ผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ผิวขาวใส
  • Anti Wrinkle ผลิตภัณฑ์ที่เน้นในเรื่องของการลดเลือน ต่อต้านริ้วรอย
  • Anti-Aging ครีมที่เน้นเรื่องของการชะลออายุผิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • Tightening ครีมที่เน้นไปที่การกระชับผิวไม่ว่าจะเป็นหน้าหรือลำตัว
  • Pore Minimizing ครีมที่เน้นไปที่การดูแลรูขุมขน กระชับรูขุมขน
  • Anti-Acne ผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปที่การดูแลปัญหาสิว

นอกจากนี้การเลือกครีมที่จะวางขายยังสามารถพิจารณาได้จาก คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นครีมที่เน้นไปที่เรื่องการดูแลรอยแผลเป็นจากสิว ผิวขรุขระ ปัญหาฝ้า ครีมกันแดด ครีมบำรุงรอบดวงตา ครีมลดริ้วรอย ครีมเติมความชุ่มชื้นหรือจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการเช็ดล้างเครื่องสำอาง การทำความสะอาดผิวหน้า ทั้งนี้เราก็ต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่คุณจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายได้

กำหนดกลุ่มสินค้า

การกำหนดกลุ่มสินค้าอาจดูไม่สำคัญ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้ผู้บริโภค หรือกลุ่มลูกค้าของคุณเห็นว่าคุณมีทิศทางการดำเนินแบรนด์ไปในทางใด ยกตัวอย่างเช่น วาง Positioning ของแบรนด์ไว้ว่าจะเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องสำอาง นั่นหมายความว่าจุดแข็งของแบรนด์จะโฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นหลัก

อย่างไรก็ดีการกำหนดกลุ่มสินค้า ควรคำนึงที่กลุ่มเป้าหมายควบคู่กันไปด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการอะไร ชื่นชอบสินค้าชนิดไหน เพื่อที่ว่าหากสินค้าวางขายออกมาแล้วจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในความสนใจของลูกค้าและพวกเขายอมที่จะจ่ายเงินซื้อ

เอกลักษณ์ และรูปแบบที่น่าสนใจ

การสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าโดดเด่นออกมาในท้องตลาด ท่ามกลางการแข่งขันสูง เพราะในท้องตลาดมีสินค้าให้เลือกมากมาย หากคุณทำสินค้าที่ไม่โดดเด่นและไม่แตกต่างเพียงพอ ก็อาจจะทำให้สินค้าของคุณไม่น่าจดจำ และไม่น่าซื้อได้

การสร้างเอกลักษณ์ อาจจะทำได้ด้วยการศึกษาคู่แข่งเพื่อลองหาความแตกต่าง อาจจะสร้างเรื่องราวของแบรนด์ อาจจะเน้นเป็นที่ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหรือส่วนประกอบที่แตกต่าง เน้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ หรือการโฆษณาที่แปลกใหม่ก็ได้เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ

สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือ

การสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ในปัจจุบันทำได้อย่างง่ายดาย เช่นการสร้างเว็บไซต์ซึ่งปัจจุบันมีบริการเว็บไซต์สำเร็จรูป หรือสามารถจ้างบริษัทให้ออกแบบและดูแลเว็บไซต์ของคุณได้ ซึ่งในหน้าเว็บเพจของคุณ ก็ควรมีข้อมูลของร้าน สินค้า และบริการต่าง ๆ แจกแจงไว้อย่างละเอียดด้วย เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาข้อมูลของร้านคุณได้ อย่างที่อยู่ของบริษัท ที่ตั้งหน้าร้าน หรือเบอร์โทรศัพท์ เมื่อลูกค้าเห็นข้อมูลเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ และช่วยในเรื่องของการตลาดได้เป็นอย่างดี

กฎหมายต่าง ๆ

การมีความรู้ในข้อกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ครีมของคุณประสบความสำเร็จอย่างเช่น กฎหมายการโฆษณาสินค้า อาหารเสริม การจดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสูตรครีม การขอการรับรองจากองค์กรต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าครีมของเราปลอดภัย ได้มาตรฐาน ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าของเรา และนำมาสู่การซื้อสินค้าของคุณอย่างต่อเนื่อง

สรุป

การสร้างแบรนด์ครีมให้มีกำไรพุ่งนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ทำการตลาดดี การสร้างตัวตนหรือคาแรคเตอร์ให้กับแบรนด์ การเจาะลึกสูตรครีม หรือการตั้งกลุ่มลูกค้าเท่านั้น แต่การผลิตครีมที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐานก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์เช่นกัน เพราะถ้าหากผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพ ก็ยังส่งผลถึงภาพลักษณ์ต่าง ๆ ชองแบรนด์ด้วย

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา :  www.beautycosmet.com

10 คำถามก่อนก้าวเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง

10 คำถามก่อนก้าวเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง

ต้องยอมรับว่าธุรกิจเกี่ยวกับความงาม โดยเฉพาะการเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง แบรนด์ครีม แบรนด์สกินแคร์ต่าง ๆ  ยังคงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และยังอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ของการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนหรือเจ้าของแบรนด์มือใหม่อยู่เสมอ ๆ เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะผิวพรรณ เพราะฉะนั้นถ้าหากแบรนไหนที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจนติดตลาดครองใจผู้บริโภคได้มาก ก็จะยิ่งได้เปรียบ และสร้างรายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

รับผลิตครีม

แต่การธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีเพียงความตั้งใจกับเงินทุนอาจจะยังไม่พอ ถ้าต้องการให้ธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางของคุณประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน คุณจะต้องลองถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมมากแค่ไหนกับการก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง กับ 10 คำถามดังนี้

คุณมีความพร้อมสำหรับธุรกิจแค่ไหน

เป็นข้อแรกที่คุณจะต้องตอบให้ได้ ก่อนจะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง โดยเฉพาะเรื่องของทักษะ ความรู้ ความสามารถในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เพราะธุรกิจไม่ใช่การเล่นขายของ ที่เบื่อเมื่อไหร่ก็เลิก หากคุณมีแบรนด์ที่จะต้องจ้างลูกจ้างมาคอยช่วยด้านต่าง ๆ  การล้มเลิกธุรกิจก็ส่งผลต่อลูกจ้างของคุณเช่นกัน

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเวลาที่คุณจะทุ่มเทให้กับธุรกิจอย่างเต็มที่ อาจจะลากยาวคุณมีความอดทนไหม มีใจรักในการทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางนี้ไหม ชอบพบปะผู้คนไหม แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไหม สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจเร็วขึ้น

คุณมีความรู้เกี่ยวกับกับธุรกิจเครื่องสำอางพอหรือยัง

อยากทำแบรนด์เครื่องสำอางเพราะเห็นเพื่อนทำแล้วรวยหรือเปล่า ถ้าเป็นประเด็นนี้ก็อยากให้ลงลึกในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางนี้สักหน่อยก่อนที่จะลงทุน ดูประเภทเครื่องสำอาง ความรู้เรื่องการตลาด การบริหารตัวแทน ธุรกิจนี้เข้าง่ายก็จริง แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า “เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ”

หากคุณมีความรู้เพียงแค่ผิวเผิน บอกได้เลยว่า “โอกาสตกม้าตายสูง” ดังนั้นคุณควรลงมือหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางนี้อย่างจริงจัง ต้องให้เวลาและยอมลงทุนกับมัน เช่นเข้าคอร์สอบรมหรือลงทุนซื้อคอร์สสัมมนาอย่างน้อยสัก 3-4 คอร์ส จ้างที่ปรึกษาทางธุรกิจที่เขามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ และให้เวลาในการศึกษาเพื่อหาจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางนี้ เช่นช่องทางจัดจำหน่าย แพ็กเกจ แหล่งผลิต การบริหารต้นทุน-กำไร การบริหารบุคลากรเป็นต้น

ความพร้อมของช่องทางการตลาดและการจัดจำหน่าย

เมื่อคุณมีเป้าหมายแล้วว่า จะจำหน่ายแบรนด์เครื่องสำอาง รวมถึงมีแบบบรรจุภัณฑ์ที่มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค คำถามที่คุณต้องตอบต่อไป คือ ช่องทางการทำตลาดและการจัดจำหน่ายของคุณ อยู่ที่ไหน ทำอย่างไร เช่น วางเป้าหมายจะจัดจำหน่ายผ่าน 7-11 คุณก็ต้องทำสินค้าให้มีคุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญคุณต้องมีกำลังการผลิตที่มากพอ เพราะ 7-11 มีเกือบหมื่นสาขาทั่วประเทศ ถ้าคุณคิดว่าจะขายผ่าน 7-11 เพราะช่องทางการตลาดและจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง คุณต้องมีความพร้อมทุก ๆ ด้าน

จะทำแบรนด์เครื่องสำอางแบบไหน

หากคุณไม่รู้ว่าจะขายใคร คุณก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะทำแบรนด์เครื่องสำอางเพื่อตอบโจทย์อะไรให้กับลูกค้า เครื่องสำอางแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน สิ่งที่เราต้องโฟกัสจริง ๆ คือ ปัญหาของเขา ต้องตีกรอบเลือกลูกค้าให้กลุ่มเล็กที่สุด ยิ่งจี้ตรงจุดปัญหาเขาได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่ธุรกิจคุณจะไปได้ดีก็มีสูง ดังนั้นคุณต้องเลือกชนิดเครื่องสำอาง เลือกสารสกัดที่นำมาใช้ เลือกโรงงานผู้ผลิต ถ้าไม่เลือกก็ลำบากแน่นอน

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับประเภทเครื่องสำอางได้ที่ ประเภทสกินแคร์ เรื่องควรรู้ก่อนทำแบรนด์

ผลิตสินค้าที่ไหน แหล่งผลิตเชื่อถือได้หรือไม่

แน่นอนว่าเมื่อคุณมีไอเดียที่จะวางแผนลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของแบรด์เครื่องสำอางแล้ว ข้อมูลอันดับต้น ๆ ที่คุณมองหานั่นก็คือ “แหล่งผลิต” เพื่อผลิตสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ โดยคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ความสะอาดและกระบวนการผลิตในโรงงาน ความสะอาดและความปลอดภัย เป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ สำหรับการผลิตเครื่องสำอาง เนื่องจากจะต้องใช้กับใบหน้า และร่างกาย นอกเหนือจากส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้แพ้สารแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งต้องผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาดพอ ทั้งนี้ โรงงานที่ใช้เครื่องจักรทันสมัยผลิตเครื่องสำอาง ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าย่อมมีนวัตกรรมการผลิตที่สะอาด เพราะอุปกรณ์และเครื่องจักรในการผลิตที่ทันสมัยย่อมมีผลต่อคุณภาพที่ดีของสินค้าเราด้วย
  • มาตรฐาน โดยควรที่จะเลือกเฉพาะโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตการจัดตั้ง ผ่านมาตรฐานการรับรองจากจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณะสุข เพื่อมั่นใจได้ว่าผู้ผลิตที่คุณเลือกใช้บริการนั้น สามารถไว้ใจและผลิตสินค้าคุณภาพให้คุณได้
  • เลือกโรงงานที่บริการครบวงจรอย่างมืออาชีพ (One Stop Service) ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อตัวเอง ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อใช้บริการหลายที่กว่าจะได้สินค้ามาจำหน่าย และสุดท้าย การจะรู้ว่าโรงงานที่เลือกดีอย่างที่คิดหรือไม่ ก็ต่อเมื่อได้ลองใช้บริการจริง ๆ

จุดเด่นของสินค้าคุณคืออะไร

เป็นคำถามเบสิกสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าสินค้าของคุณเป็นอะไร มันจะต้องมีคุณค่าบางอย่าง ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจควักเงินออกจากกระเป๋า เพื่อซื้อสินค้าจากคุณ แต่ถ้าสินค้าของคุณสามารถสร้างยอดขายได้ดีในตลาด ท่ามกลางคู่แข่งขันที่มีอยู่มากมาย นั่นแสดงว่าสินค้าของคุณต้องทีเด็ดอื่น ๆ อีก เช่น ลูกค้าอาจชอบในแพ็กเกจที่บรรจุผลิตภัณฑ์นั้น ๆ หรือซื้อไปเพื่อเป็นของฝาก สินค้าเหล่านี้ต้องมีการออกแบบสวยงาม ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้

คุณรู้ว่าอะไรคือจุดของอ่อนของตัวเอง

ไม่มีใครที่จะตอบคำถามนี้ดีไปกว่าเจ้าของแบรนด์ ดังนั้นจึงสมควรที่จะต้องรู้ลึกในเรื่องของจุดเด่นและจุดด้อยของสินค้าหรือแบรนด์เครื่องสำอางของตนเป็นอย่างดี เพื่อที่จะเอาจุดเด่นที่เกิดขึ้นนำมาใช้เป็นตัวขายและสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในตลาด ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งพัฒนาเพื่อกลบลบจุดด้อยที่มีเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้เกิดขึ้นมากที่สุด ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีต่อการทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางในอนาคต

วางแผนงบการเงินไว้อย่างไร

ทำแบรนด์เครื่องสำอางใช่เพียงแค่มีเงินสั่งโรงงานผลิตแล้วทุกอย่างจบ เพราะนั่นมันแค่จุดเริ่มต้น เจ้าของแบรนด์ที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่ถ้าอยากให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น อาจจำเป็นต้องมีความพร้อมในเรื่องเงินทุน และสภาพคล่องทางธุรกิจ เพราะเงินทุนยังนำไปใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการผลิตอย่างเดียว เช่น การตลาด ค่าประกันสินค้า การขนส่ง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ พูดง่าย ๆ คือ คุณต้องมีเงินทุนหมุนเวียน มีกระแสเงินสด

คุณมีความทุ่มเทและอุทิศตนต่องานที่ทำหรือไม่

เมื่อจะเริ่มต้นธุรกิจ ก็ต้องรู้ให้ชัดเจนว่าคุณพร้อมที่จะทุ่มเทกับการทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอาง ขนาดถึงกับยอมสละความอิสระในชีวิตหรือยัง ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญ หากคุณสร้างให้เกิดขึ้นได้ ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะดำเนินธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอาง ด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และความผูกพันต่องานธุรกิจของคุณ

ทั้งนี้เจ้าของแบรนด์ต้อองตอบและกำหนดให้ได้ว่าเหตุผลที่คุณอยากเริ่มต้นธุรกิจ แบรนด์เครื่องสำอางคืออะไร และจุดหมายในท้ายที่สุดแล้วต้องการจะได้อะไรเป็นการตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลกำไร  ส่วนแบ่งการตลาด เป็นต้น

คุณพร้อมจะเป็นเจ้าคนนายคนหรือไม่

การทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอาง นอกจากการมีสินค้าที่ดี มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้อยู่รอดในช่วงเติบโตต่อไปคือ การสร้างเครือข่ายธุรกิจหรือการขยายกิจการ ซึ่งหมายถึง “การบริหารคน” คนคือ ทรัพยากรมนุษย์ที่ขับเคลื่อนกิจการไปข้างหน้า และคุณในฐานะผู้นำต้องรู้จักพูด รู้จักใช้คนที่แตกต่างในความสามารถและอุปนิสัยให้พาบริษัทเดินหน้าไปได้

สรุป

การก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางนั้น มีหลายสิ่งที่จะต้องคิด และเตรียมรับมือ เพราะการจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้มีเพียงเงินและความตั้งใจเท่านั้น เพราะการทำแบรนด์เครื่องสำอางจะต้องมีทั้งความรู้ ความสามารถในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงความอดทนฝ่าฝันเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จที่ตั้งใจไว้

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา :  pdl.co.th

ส่องเทรนด์บรรจุภัณฑ์ปี 2021 จากนักออกแบบไทยฝีมือระดับโลก

ส่องเทรนด์บรรจุภัณฑ์ปี 2021 จากนักออกแบบไทยฝีมือระดับโลก

บรรจุภัณฑ์ หรือ Packaging ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเติบโต เพราะนอกจากบรรจุภัณฑ์นั้นจะทำหน้าที่ห่อหุ้มปกป้องสินค้า ให้ไปสู่มือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยแล้วนั้น บรรจุภัณฑ์ยิ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นยอดขาย เพราะอย่างที่รู้กันว่าในปัจจุบันแค่คุณภาพของสินค้านั้นไม่ใช่เรื่องเดียวที่ผู้บริโภคต้องการแล้ว การมีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอาง

โรงงานรับผลิตอาหารเสริม

เนื่องจากธุรกิจนี้มีการแข่งขันอย่างดุดันให้ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นแบรนด์ที่มีเพียงผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ แต่ไม่มีภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดและจดจำ ก็อาจจะเสียยอดขายให้กับแบรนด์ที่ภาพลักษณ์สวย น่าสนใจ ดึงดูดและมีคุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีได้ ด้วยเหตุเหล่านี้จึงทำให้บรรจุภัณฑ์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างแบรนด์ ทั้งการสร้างภาพลักษณ์ ความน่าสนใจ การดึงดูดสายตา ไปจนถึงการส่งสารจากเจ้าของแบรนด์ไปยังผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

ในปี 2021 นี้เทรนด์บรรจุภัณฑ์มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง การเติบโตของบรรจุภัณฑ์ในไทยจะไปในทิศทางไหน และอะไรคือเทรนด์ต่อเนื่อง อะไรคือเทรนด์ใหม่ ไปฟังการวิเคราะห์ 8 เทรนด์บรรจุภัณฑ์ไททยปี 2564 จาก แชมป์ – สมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์มือรางวัลกว่า 99 รางวัลในเวทีโลก เจ้าของบริษัท Prompt Design

จากปีที่ผ่านมา คุณสมชนะ กังวารจิตต์  ได้คาดการณ์เทรนด์ของบรรจุภัณฑ์ในปีที่ผ่านมาได้อย่างแม่นยำ เพราะเขาได้ทดลองและทอสอบผลลัพธ์เองกับมือ เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเราไม่สามารถนำเทรนด์ต่างประเทศมาใช้ได้แบบตรงไปตรงมา แต่ในปีนี้ คุณสมชนะ ก็ได้ทดลองและทดสอบอีกเช่นเคย โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นยังคงมีบางข้อของเทรนด์เดิม ซึ่งยังคงดำเนินต่อไป และอีกบางข้อที่เลือกเข้ามาใหม่ จะเป็นอย่างไรนั้น ทาง Kovic ได้นำบทวิเคราะห์นั้นมาฝากทุกท่านกัน

Sustainable ต้องลงลึกมากขึ้น

บรรจุภัณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากปี 2562 ที่ผ่านมาแบรนด์ระดับโลกเกือบทุกแบรนด์ รวมถึงแบรนด์ใหญ่ในไทยเองก็เริ่มชูสิ่งแวดล้อมมาขับเคลื่อนชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ จะนำมาใช้บ้าง ต้องคิดมิติให้ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา

โดยไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนวัสดุบรรจุภัณฑ์แต่อย่างเดียวต่อไปอีกแล้ว แต่ต้องให้ความสำคัญกับทั้งบริบทและกระบวนการทำธุรกิจจะสามารถชนะใจผู้บริโภคได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ลดขยะให้เป็นศูนย์ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการทำ Carbon Footprint เพื่อแสดงข้อมูลปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของธุรกิจ จนสุดท้าย คือ การจัดเก็บเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หากเจ้าของแบรนด์อยากทำให้แตกต่าง ต้องคิดให้ลึกและครบ

Minimalist เมื่อข้อมูลมีมากเกินไป

ในปีนี้เราอาจได้เห็นคำว่า Bold and Clear เพื่อนำมาใช้ในงานดีไซน์ให้เรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ความชัดเจน แต่สำหรับในปีหน้าที่จะถึงนี้ เราจะใช้คำว่า Minimalist ในปัจจุบันโลกแห่งการสื่อสารจะต้องเร็วและง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทุกวันนี้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่โอเวอร์โหลดมากเกินไป ไม่ว่าจะออนไลน์ หรือออฟไลน์ก็ดี

ดังนั้นการสื่อสารต่อไปเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด คือทุกอย่างจะต้องมินิมอลที่สุด เพราะผู้บริโภคคงไม่มีเวลามากในการเสพข้อมูลเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราควรศึกษาสาระสำคัญของผลิตภัณฑ์เอาไว้ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ต้องตัดออก ต้องให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ในทันที

Online Packaging โตตามคลื่น E-Commerce

Online Packaging เป็นเทรนด์ที่ยังต้องมีต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเทรนด์คลื่นใหญ่ของโลก ซึ่งผู้บริโภคทุกวันนี้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาสั่งของออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นการจะทำบรรจุภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์เทรนด์นี้ได้ คำว่า “Unboxing Experience” หรือประสบการณ์การแกะกล่องต้องมาแล้ว

โดยนอกจากการจัดส่งสินค้าใส่กล่องหรือพัสดุเรียบร้อยแล้ว ควรมีการใส่ Message อะไรสักอย่างเข้าไปด้วย รวมถึงดีไซน์ เพื่อสร้างความแตกต่าง เพื่อให้ผู้บริโภคแยกออกระหว่างกล่องทั่วไปกับการจัดส่งของแบรนด์ที่มาจากความตั้งใจพิถีพิถันในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค เพื่อแสดงถึงความขอบคุณที่เขามาเป็นลูกค้าเรา สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในแบรนด์ได้

Different Shape โดดเด่นด้วยรูปทรงที่แตกต่าง

ปัจจุบันบ้านเรามีการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตสินค้านวัตกรรมต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สินค้าอุปโภคต่าง ๆ ดังนั้นแล้วหากเป็นสินค้านวัตกรรมที่มีการคิดค้นขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงใช้บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบเดิม ๆ ผู้บริโภคคงแยกไม่ออกว่า ตัวไหนคือสินค้านวัตกรรมใหม่ ตัวไหนคือสินค้ารูปแบบเดิมที่มีอยู่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ น้ำดื่มวิตามินต่าง ๆ ที่บางยี่ห้อมีการทำออกมาเป็นลักษณะขวดเตี้ย ๆ ป้อม ๆ ทำให้ผู้บริโภคเห็นแล้ว สามารถแยกออกได้ทันที ดังนั้นการจะสร้างความแตกต่างของบรจุภัณฑ์ให้เกิดขึ้นได้ ณ วันนี้แค่เพียงฉลากอย่างเดียวอาจไม่พอแล้ว ต้องลงลึกไปถึงการออกแบบรูปร่างและลักษณะของบรรจุภัณฑ์ด้วย

Influencer Collaboration : คน X แบรนด์

เรื่องของการ Collaborate หรือร่วมมือกันในการทำธุรกิจยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แต่จะเปลี่ยนจากการจับมือระหว่างแบรนด์หรือธุรกิจด้วยกันเองมาเป็นการจับมือระหว่างแบรนด์ และ Influencer หรือบุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิดในด้านต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากเหล่าบรรดา Influencer ต่าง ๆ เหล่านั้นล้วนมีฐานแฟนคลับเป็นของตัวเองมากจำนวนหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็น Micro Influencer (ยอดผู้ติดตาม 5,000 – 100,000 คนขึ้นไป) หรือ Marco Influencer (ยอดผู้ติดตาม 100,000 คนขึ้นไป) ซึ่งเมื่อแบรนด์มีการจับมือร่วมกับ Influencer ต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะได้ฐานแฟนคลับไปด้วย

Smart Packaging ช้าหน่อย แต่มาแน่

เป็นอีกเทรนด์ที่ในต่างประเทศมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว แต่สำหรับในบ้านเรายังมีให้เห็นน้อยอยู่ แต่ถึงยังไงก็คงเป็นเทรนด์ที่มาแน่นอน แต่จะเริ่มแคบลงและจับต้องได้ง่ายขึ้น โดยจะเริ่มจากง่าย ๆ ที่คิวอาร์โค้ดก่อน จากนั้น AR จึงจะเริ่มเข้ามา แต่สำหรับในเมืองไทยคงต้องรอเวลาอีกสักพัก ยังไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนนำมาใช้ เพราะต้องรอให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการเหล่านี้เยอะขึ้นก่อน

Design for Good สร้างแบรนด์ให้เป็นคนดี

Design for Good ในที่นี้หมายถึงการสร้างแบรนด์ให้ดูเป็นคนดี มีการทำเพื่อสังคมด้วย ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียวเสมอไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่ผ่านมา คือการทำงานร่วมกันของน้ำดื่มสิงห์และมูลนิธิกระจกเงาที่ออกฉลากเป็นหน้าคนหาย ซึ่งเริ่มทำไปเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา

Universal Design รองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์

ปัจจุบันไทยเรานั้นถือเป็นประเทศที่ติดอันดับมีปริมาณผู้สูงอายุเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นสิ่งที่เราต้องเจออย่างแน่นอนในอนาคต ซึ่งในปีหน้าที่จะถึงนี้ก็จะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในมุมของบรรจุภัณฑ์สิ่งที่ต้องคิดถึงผู้บริโภคมากขึ้นก็คือ ลักษณะทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีที่ดูสบายตา ตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน การเปิด – ปิดที่ง่ายขึ้น

อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์กับผู้สูงอายุ คือ ทุกคนไม่อยากแก่ ดังนั้นหากสินค้านั้นผู้ใช้สินค้าเป็นผู้เลือกซื้อเอง ห้ามใส่รูปคนแก่เข้าไปเด็ดขาด แต่หากเป็นกลุ่มผู้สูงอายุประเภทผู้ป่วยติดเตียง ผู้ใช้ไม่ได้มาเลือกซื้อด้วยตัวเอง เราสามารถใส่ลายการ์ตูนคนแก่น่ารัก ๆ ลงไปได้

นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์ควรบ่งบอกถึงความพรีเมี่ยม เนื่องจากผู้สูงอายุเหล่านี้เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความพร้อมทั้งชื่อเสียง สถานะทางสังคม และเงินทาง ถึงแม้วันนี้อาจจะยังไม่ค่อยเห็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะมากเท่าไหร่นัก แต่ในอนาคตเร็ว ๆ นี้จะได้เป็นแน่นอน

สรุป

การออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้น นอกจากความสวยงาม น่าสนใจและดึงดูดสายตาแล้วนั้น การใช้ประโยชน์ของบรรจุภัณฑ์ก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถึงแม้ว่าบรรจุภัณฑ์จะสวยน่าใช้แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหากผู้บริโภคซื้อไปแล้วเกิดปัญหาในการใช้อย่างเช่นการเปิด – ปิดที่ลำบาก ความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ไม่สามารถสร้างยอดขายได้

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.brandbuffet.in.th

รับผลิตอาหารเสริม

10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน

10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน

วิตามิน เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย และมีคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ และด้วยปัจจุบันที่กระแสรักสุขภาพนั้นเป็นที่นิยม ทำให้ผู้คนมากมายหันมาสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่การทานอาหารนั้นอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะอาหารแต่ละอย่างก็มีสารอาหารหรือวิตามินที่แตกต่างกันไป ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้หลายคนหันไปบริโภควิตามินเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินต่าง ๆ ในแต่ละวันให้เพียงพอ

รับผลิตอาหารเสริม

แต่ถึงแม้ว่าวิตามินไม่ว่าจะเป็นวิตามินจากธรรมชาติหรือวิตามินเสริมที่มีการผลิตจากโรงงานผลิตอาหารเสริม จะมีประโยชน์มากแค่ไหน แต่ถ้าหากทานผิดวิธีหรือไม่รู้ถึงประโยชน์ที่แท้ของวิตามินตัวนั้นก็ไม่สามารถช่วยบำรุงร่างกายได้ เพราะวิตามินแต่ละตัวก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญวิตามินต่าง ๆ ยังมีความลับซ่อนอยู่ หากรู้ก็ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและดีต่อร่างกาย โดยทาง Kovic ได้รวบรวม 10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามินคุณควรรู้

วิตามินบางชนิดควรได้รับทุกวัน

วิตามินบางชนิดจำเป็นต้องได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซีและวิตามินบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ วิตามินกลุ่มนี้ไม่ถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ คุณจึงต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน และแม้ร่างกายจะได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย

วิตามินเอ ซี อีและแร่ซิลีเนียม เด่นด้านการชะลอวัย

วิตามินเอ ซี อี และแร่ซิลีเนียม เป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นกว่าวิตามินตัวไหน ๆ ซึ่งพบมากให้ผลไม้ อาทิ ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี่ ฝรั่ง และส้ม ส่วนผักได้แก่ บรอกโคลี ผักโขม ผักบุ้ง ซึ่งการทานให้ได้ผลดีที่สุดควรทานในรูปแบบผัก ผลไม้สด แต่หากเป็นคนที่ทานผักและผลไม้ได้น้อย แหล่งอาหารเสริมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทานได้

เบต้าแคโรทีน ทานดีทั้งรูปแบบอาหารและอาหารเสริม

หากต้องการทานเบต้าแคโรทีนเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย แนะนำให้รับประทานในรูปอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง แต่หากต้องการทานเพื่อรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่สามารถทานในรูปแบบอาหารเสริมก็ได้ แต่ควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

ไข่ขาวดิบ ทำลายวิตามินบี 7

ไข่ขาวดิบมีสารที่ส่งผลต่อไบโอตินในวิตามินบี 7 ที่อยู่ในลำไส้และขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย หากรับประทานไข่ขาวดิบปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 2 ฟอง หรือมากกว่า 2 ฟองต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน จะทำให้ร่างกายขาดไบโอตินได้ เพราะไข่ขาวมีสารที่ทำลายไบโอติน

วิตามินซี ไม่ได้มีดีแค่ป้องกันหวัด

วิตามินซี เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายในชีวิตประจำมาก ๆ เพราะช่วยต้านความเครียด เพิ่มความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ที่สำคัญช่วยต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง และยังมีบทบาทช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่ COVID-19 ระบาด การเพิ่มภูมิคุ้มให้กับตัวองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้วิตามินซีมีเข้ามามีบทบาทในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และส่งผลให้วิตามินซีเสริมเป็นที่สนใจของเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมในการผลิตอาหารเสริมชนิดนี้ออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น

วิตามินดี ดีสมชื่อ

หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่า วิตามินดีมีดีกว่าการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกและฟัน หรือกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในร่างกาย เพราะมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม รวมถึงยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังได้อีกด้วย

วิตามินอี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณ

วิตามินอี วิตามินที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวสำหรับคุณผู้หญิง แต่สำหรับคุณผู้ชายก็ไม่น้อยหน้า เพราะวิตามินอีช่วยแก้ปัญหาความบกพร่องของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรยาก รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย

วิตามินบี 5 ปราบสิว

ใครจะคิดว่าวิตามินบี 5 ช่วยเรื่องสิวได้ แต่จริง ๆ แล้วช่วยได้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งของคนที่เป็นสิวอาจเพราะขาด Coenzyme – A ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี 5 ในการสร้าง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี ไขมันจึงออกมาทางส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนังและเป็นสิวในที่สุด แต่หากร่างกายมีวิตามินบี 5 เพียงพอก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญไขมันทำงานปกติ ผิวหนังไม่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินจนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

ทานวิตามินพร้อมอาหารและหลังอาหาร

ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามินคือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แต่ก็มีวิธีทานวิตามมินให้ได้ผลดี คือวิตามินบีรวมและวิตามินซี ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ส่วนวิตามินเอ ดี อี เคที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องทานวิตามินในมื้อเดียวให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้าครึ่งหนึ่งอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

วิตามินมีกลิ่น ไม่ได้เสีย

หลายคนเมื่อได้กลิ่นแรงของวิตามินมักคิดว่าเสีย แต่ความจริงแล้วคือการเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเก็บไว้ผิดที่ คือโดนแสงแดดและอุณหภูมิสูงเกินไป หากรับประทานก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง นอกจากนี้วิตามินที่มีรอยร้าวที่เม็ดยังมีคุณภาพและทานได้ตามปกติ เพราเกิดจากการเคลือบเม็ดมาไม่ดีเท่านั้น

วิตามินต่าง ๆ ย่อมมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรสำรวจตนเองว่าร่างกายของคุณขาดวิตามินตัวไหน หรือต้องการบำรุงร่างกายในเรื่องอะไร เพื่อจะได้เลือกทานวิตามินให้ถูกต้อง รวมไปถึงเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมที่กำลังสนใจผลิตอาหารเสริมวิตามิน ควรพิจารณาถึงสรรพคุณของวิตามินแต่ละตัวให้อย่างรอบครอบ เพื่อให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นที่สนใจของผู้บริโภค

สรุป

การทานวิตามิน สามารถช่วยบำรุงร่างกายในต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นควรทานวิตามินให้ครบ ทั้งจากอาหารในแต่ละมื้อหรือวิตามินที่เป็นอาหารเสริม ซึ่งหากทานเป็นอาหารเสริมควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ผลิตจากโรงงานรับผลิตอาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการรับประทาน และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.bangkokhospital.com

สร้างแบรนด์อาหารเสริม

Step Marketing ของธุรกิจสุขภาพและความงาม

Step Marketing ของธุรกิจสุขภาพและความงาม

ธุรกิจสุขภาพและความงามถือเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเมื่อไม่นานมานี้เทรนด์รักสุขภาพนั้นเป็นกระแสอย่างมาก และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ COVID – 19  ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมารักษาสุขภาพมาขึ้นทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการใส่หน้ากากอนามัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการอุดตัน อับชื้น หรือการเกิดสิวเป็นต้น

สร้างแบรนด์อาหารเสริม

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ธุรกิจสุขภาพและความงามมากมาย จนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหารเสริมและเครื่องสำอาง ทำให้แบรนด์บางแบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แต่ในขณะที่บางแบรนด์กลับไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวังไว้และหายไปในที่สุด หรือแม้แต่มีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด

แต่การที่มีแบรนด์อาหารเสริมและเครื่องสำอางต่าง ๆ เกิดขึ้นมามากมายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ใหญ่จริง ๆ คือ ในฐานะเจ้าของแบรนด์จะทำอย่างไรที่สามารถทำให้ธุรกิจและแบรนด์ของเรานั้นอยู่รอดและเติบโตเป็นที่รู้จักได้ในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นในวันนี้ทาง Kovic จึงได้รวบรวม Step Marketing สำหรับธุรกิจสุขภาพและความงามในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมและเครื่องสำอาง ที่ทำตามแล้วแบรนด์ของเราจะไม่จมหายไปจากวงการธุรกิจนี้อย่างแน่นอน

Step 1 : Brand Awearness

การทำธุรกิจหรือสร้างแบรนด์ของตัวเองสักแบรนด์หนึ่งขึ้นมา เปรียบเสมือนเราสร้างตัวตนคน ๆ หนึ่งขึ้นมา ยิ่งปัจจุบันโลกเราเข้าถึงโซเชียลมีเดียมากมาย เราจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวตนของเราขึ้นมาในโลกออนไลน์ด้วย เท่านั้นยังไม่พอต้องทำให้พวกเขาเห็นเราในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Facebook, Instagram, Twitter, Youtube, Google และ Line เป็นต้น

ซึ่งช่องทางเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์ของเราได้เข้าถึง ทำความรู้จักกับลูกค้า บอกข่าวสารต่าง ๆ แก่พวกเขา เกิดการซื้อขายเกิดขึ้น และยังสามารถรักษาลูกค้าของเราไว้กับเราไปนาน ๆ ได้อีกด้วย

Step 2 : ทำให้เราเป็นที่สนใจ

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ต้องสามารถทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่พูดถึงให้ได้ และถ้ายิ่งวงกว้างเท่าไหร่ยิ่งดี การทำให้เราเป็นที่สนใจบนโลกออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ หรือ คอนเทนต์ที่ตามกระแส ยิ่งเราจับจุดความสนใจของลูกค้ามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้ว่าคอนเทนต์แบบไหน แนวไหนที่จะโดนใจพวกเขา และทำให้เขารู้สึกอยากติดตามคอนเทนต์เราอยู่ตลอด

แต่อยากลืมว่าการเน้นการขายของมากเกินไปในคอนเทนต์ของเรา จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกยัดเยียดมากเกินไป จะทำให้กลายเป็นไม่อยากติดตามเรา หรือจะเป็นการทำ Search Engine (SEO) ใน Google เพื่อให้เวลาลูกค้าค้นหาสินค้าประเภทเกี่ยวกับสุขภาพหรือความงาม แบรนด์ของเราจะขึ้นมาให้เขาเห็นเราเป็นอันดับต้น ๆ ง่านต่อการเข้าถึงและทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือไปได้ด้วย

Step 3 : เสนอ How to แก้ปัญหาอย่างแนบเนียน

เมื่อลูกค้าเริ่มรู้จักกับเราแล้ว แต่เราก็อยากให้เขาสนิทกับเรามากยิ่งขึ้น มาใช้บริการหรือซื้อผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น คอนเทนต์ How to แก้ปัญหาในเรื่องของสุขภาพความงามต่าง ๆ ที่ลูกค้าประสบพบเจอนั้น จะยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าสนใจ และความอยากสนิทกับเรามากยิ่งขึ้น แบรนด์ของเราอาจจะทำคอนเทนต์ How to ตบเข้าด้วยวิธีรักษาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการมาใช้แบรนด์ของเรานั่นเอง ถือว่าเป็นการขายของไปในตัวก็ว่าได้

Step 4 : เสนอบริการที่ตอบโจทย์

ขึ้นชื่อเรื่องของสุขภาพและความงาม ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็คงจะหนีไม่พ้นกับการเข้ามาใช้บริการเพื่อรักษาปัญหา หรืออาการที่เป็นอยู่ ซึ่งในขั้นนี้จะเป็นการเมคชัวร์ให้กับลูกค้าว่าเรานั้นสามารถรักษา หรือสินค้าของเรามีสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการ หรือบำรุงได้จริง

เราแค่ต้องมีข้อมูลและบริการต่าง ๆ ขึ้นตามเว็บไซต์ หรือตามสื่อโซเชียลขอเรา แยกตามประเภทของสินค้า หรือบริการ หรือปัญหาให้เห็นชัดเจน และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ รวมถึงการมีพนังงานคอยตอบคำถามของพวกเขาได้ รวมถึงการมีพนักงานคอยตอบคำถามของพวกเขา และแนะนำการใช้บริการที่ตรงจุดก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น

Step 5 : ดูแลลูกค้าเหมือนคนที่เรารัก

เมื่อพวกเขาเข้ามาเป็นลูกค้าของเราแล้ว สิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือ การรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ดูแลพวกเขาให้เหมือนกับคนที่เรารัก โปรดจำไว้ว่าการรักษาฐานลูกค้าเดิม ประหยัดต้นทุนกว่าการสร้างลูกค้าใหม่ เพราะฉะนั้นเราจึงควรดูแลรักษาเขาเป็นอย่างดี

ตัวอย่างการรักษาฐานลูกค้าเช่น การทำ CRM ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษต่าง ๆ หรือมี Line@ แจ้งข้อมูลข่าวสาร สิทธิประโยชน์ หรือเสนอคอนเทนต์อยู่เป็นประจำ ลูกค้าจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นพิเศษ และคนสำคัญ ซึ่งการทำ CRM นั้นจะสามารถช่วยให้เรารักษาฐานลูกค้าของเราไว้ได้ตลอด

Step 6 : อัพเดทข้อมูลวางแผนการตลาดสม่ำเสมอ

ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ทางแบรนด์ต้องใส่ใจในข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่จะสื่อสารให้กับลูกค้าได้รับรู้ สื่อช่องทางไหนมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากน้อยเพียงไหน ช่องทางที่ดีอยู่แล้วก็ให้รักษามาตรฐานแบบนี้ไว้ ส่วนช่องทางที่ผลตอบรับน้อยหน่อยก็ให้นำมาวิเคราะห์ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งจะเป็นแนวทางในการวางแผนการตลาดของแบรนด์ต่อไปได้ว่าเราควรมุ่งไปในทิศทางไหน มีนวัตกรรม เทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง เราสามารถที่จะแสดงจุดเด่นของเราได้อย่างไร โดยทั้งหมดก็จะส่งผลมาถึงยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเอง

สรุป

การทำ Marketing นั้นสามารถทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักของหมู่ผู้บริโภคและสามารถทำให้อยู่รอดในวงการที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงามจำหน่ายอยู่เต็มท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม เครื่องสำอาง ครีม หรือสกินแคร์ต่าง ๆ

ซึ่งในความเป็นจริงนอกจาก Marketing จะดีแล้วนั้น คุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็ต้องดีด้วย เพราะการสร้างแบรนด์อาหารเสริมหรือเครื่องสำอางเป็นของตัวเองสักแบรนด์ คุณภาพถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าหากการตลาดดี บรรจุภัณฑ์สวยน่าใช้แค่ไหน แต่คุณภาพของผลิตภัณฑ์แย่หรือไม่ได้คุณภาพ ก็ไม่อาจสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้ ดังนั้นนอกจากจะต้องทำการตลาดดีแล้ว การเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ให้ออกมามีคุณภาพก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แบรนด์จะต้องใส่ใจไม่แพ้กัน

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : taokaemai.com

ทำไมถึงควรมีแบรนด์เป็นของตัวเอง

ทำไมถึงควรมีแบรนด์เป็นของตัวเอง

หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านนั้น การทำ Personal Branding หรือ การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองจำหน่ายในโลกออนไลน์ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์เสื้อผ้า อาหาร และรวมไปถึงการสร้างแบรนด์อาหารเสริมหรือเครื่องสำอางด้วย เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนหันมาบริโภคอาหารเสริมมากขึ้น อาจจะเพื่อต้องการดูแลสุขภาพ เพิ่มเติมสารอาหารต่าง ๆ ในกับร่างกาย หรือเพื่อบำรุงในส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการ ในส่วนของเครื่องสำอางก็เพื่อบำรุงผิวพรรณหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณให้ดีขึ้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้อาหารเสริมและเครื่องสำอางกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจมาก จึงส่งผลให้มีแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย

แต่การที่มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น ทำให้เกิดการสร้างความแตกต่างระหว่างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคาแรคเตอร์ การสร้างคอนเทนต์ให้โดน แล้วยิ่งในปัจจุบันที่เทคโนโลยีต่าง ๆ มีความก้าวหน้าขึ้น การเจริญเติบโตของโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนสามารถเข้าหากันได้มากขึ้น นั้นหมายความว่าผู้บริโภคก็จะสามารถเห็นแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น

ด้วยความก้าวหน้าเทคโนโลยีนี้ส่งผลให้ผู้คนมากมายต่างอยากผลิตอาหารเสริมหรือผลิตเครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของตัวเองออกมาสักแบรนด์หนึ่ง แต่บางคนอาจจะยังมีความลังเลอยู่ระหว่างนำเงินมาลงทุนสร้างแบรนด์ของตัวเอง หรือจะเป็นเป็นตัวแทนแบรนด์ผลิตภัณฑ์สักแบรนด์หนึ่ง วันนี้ทาง Kovic ได้มีบทความดี ๆ ในการสร้างแบรนด์ ว่าทำไมเราถึงควรมีแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยมีดังต่อไปนี้

การสร้างแบรนด์ของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดัง

การที่เราสร้างคอนเทนต์ออกมาจากประสบการณ์ของตัวเองทั้งเรื่องของงานและไลฟ์สไตล์นั้น จะช่วยให้เรารู้จักและเข้าใจความสามารถของตัวเองมากขึ้น และช่วยสร้างคอนเนกชั่นใหม่ ๆ ให้กับตัวเองได้ด้วย อันจะนำมาซึ่งรายได้ โอกาสทางการค้าอย่างของเราเองก็เริ่มจากการเขียนบล็อกเล่าสตอรี่ไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากเก็บคอนเทนต์และรูปสวย ๆ เอาไว้ดูคนเดียว

แค่บล็อกนั้นก็ได้พาเราไปเราไปเจอบล็อกเกอร์คนอื่น ๆ ในสายงานต่าง ๆ และทำให้เราเข้าใจการทำ Marketing Online มากขึ้นถ้าหากว่าคอนเทนต์ของเรามีสาระที่แข็งแกร่งพอและมีคนเข้ามาดูเยอะ ก็ยิ่งทำให้แบรนด์ที่เราสร้างขึ้นมานั้น มีความชัดเจนและโดดเด่นออกมาจากคนอื่น ๆ ได้

ช่วยให้คนเชื่อถือเรามากขึ้น

ตัวแบรนด์ของเราที่สร้างขึ้นมากับมือนั้น จะเป็นสิ่งที่บอกว่าเราคือใคร มีความสามารถ เชี่ยวชาญในเรื่องใด ซึ่งทุกอย่างจะถูกส่งผ่านออกมาทางคอนเทนต์ที่สร้างและไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของเรา คนนอกที่ได้เห็นก็จะมั่นใจได้ว่าเราเก่งในด้านนั้นจริง ๆ และมีความไว้ใจจนอยากจะร่วมงานด้วย

เราจะมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

เพียงแค่เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้คนหันมาจดจำชื่อเรา เนื้อหาของเรา ที่ทั้งเฉพาะและแตกต่างจากคนอื่น ๆ เช่น ถ้าเขานึกถึงการดูแลผิวพรรณ ก็จะนึกถึงอาหารเสริมหรือเครื่องสำอางของแบรนด์เราเป็นอันดับแรก ยิ่งเราสร้างคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับเขาได้มากเท่าไหร่ เขาก็จะประทับใจในตัวเรามากเท่านั้น แล้วก็ยิ่งทำให้มูลค่าของเราสูงขึ้นได้เรื่อย ๆ

สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต

บางทีก็ต้องเข้าใจว่างานประจำในฝันมันไม่มีจริง เราเคยพยายามหางานที่ตัวเองอยากทำ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอที่ถูกใจซักที เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์ให้ตัวเองจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าเราได้สรุปมาแล้วว่าจะทำอะไร แนวไหน จากนั้นก็สร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องราวนั้น ๆ อย่างชัดเจนก็จะทำให้มีโอกาสที่คนจะหาแบรนด์เราเจอได้มากขึ้น และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะทำให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ของเราน่าสนใจ และสามารถสร้างยอดขายได้

สร้างรายได้เสริมไปจนถึงรายได้หลัก

จริง ๆ แล้วทุกคนก็อยากทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างอย่างเช่นเรื่องเงิน และความไม่แน่นอนในชีวิต ทำให้เราต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจทำอะไรซักอย่างหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องเริ่มสร้างแบรนด์ตัวเอง เพราะงานนี้ต้องใช้เวลาและความอดทนสูงกว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม

ซึ่งถ้าตัวเรามีความชัดเจนและสามารถหากลุ่มคนที่อยู่ในสายงานเดียวกันและมีคนที่สนใจในแบรนด์ของเราได้นั้น ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ เพราะมันจะทำให้มีโอกาสในการจ้างงานกันเกิดขึ้น และยิ่งเราใส่ใจดูแลแบรนด์ของเรามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้สามารถเปลี่ยนอาชีพเสริมเหล่านี้ให้กลายเป็นอาชีพหลักได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ช่วยให้เราทำงานได้หลากหลาย

โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี เรื่องหลัก ๆ คงหนีไม่พ้นการสร้างคอนเทนต์ เหมือนกันการบอกกับคนอื่นว่าเรามีอะไรมานำเสนอบ้างอย่างเช่น เคล็ดลับในการเขียนบล็อก เทคนิคการทำเว็บให้ติด Search Engine การตัดวิดีโอ ไปจนถึงการแชร์เรื่องราวที่เราชอบทำให้เวลาว่าง อย่างเช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ

นอกจากนี้เรายังหสามารถสร้างคอนเทนต์ เรื่องราวต่าง ๆ จากการใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวได้อีกด้วย มี App หลายตัวที่ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกขึ้น อย่างเช่น Note ตัวนี้เราใช้เป็นประจำเลย คิดอะไรออกก็พิมพ์ ๆ เอาไว้ก่อนเป็นไอเดีย แล้วก็เขียนต่อขยายไปเรื่อย ๆ ยิ่งก่อนนอนนะสมองยิ่งลื่นเลย

สามารถทำงานด้วยตัวคนเดียวได้

เราไม่จำเป็นต้องจ้างทีมงานเยอะแยะเพื่อสร้างบริษัท แต่เราใช้แค่ความสามารถของเรานั้นในการสร้างเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อสร้างและแบรนด์ได้ อย่างเช่น การเขียนบล็อก ทำคลิปวิดีโอ ทำโฟโต้อัลบั้ม หรือจะไลฟ์บนเฟซบุ๊ค หรือยูทูปก็ได้ ซึ่งก็ช่วยดึงดูดคนที่สนใจของแบรนด์ของเราให้เข้ามา ที่สำคัญช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

สร้างเครือข่ายคนทำงาน และวงคนรู้จัก

ตัวคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เราสร้างขึ้นจะช่วยดึงดูดคนที่มีความสนใจคล้าย ๆ กัน คนที่อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญที่เรามี หรือคนต้องการมาช่วยทำงานที่มีผลงานในสไตล์ที่เข้ากัน อย่างเช่น เรากำลังมองหาคนช่วยทำการตลาดออนไลน์ แล้วคนที่เราได้เจอทางออนไลน์ก็ทำสายนั้นพอดี แต่ไม่ถนัดงานออกแบบ เราก็สามารถร่วมงานกันได้ แถมยังแบ่งบันความรู้ซึ่งกันและกัน ที่สำคัญคือการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ตามกรุ๊ปต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ซึ่งนั่นจะทำให้เราได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกมากมายด้วย

ได้เป็นตัวของตัวเอง

แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบรนด์ของตัวเอง เราจะสามารถใส่ความเป็นของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและสนุกมาก ๆ เราสามารถทำได้ทุกวันโดยไม่ต้องฝืนเลย ที่สำคัญคือช่วยเติมเต็มชีวิต ทำให้เราอยู่อย่างมีความหมาย

เป็น Portfolio ชั้นดี

เพราะทุกอย่างคือผลงานที่ผ่านกระบวนการคิดและทำจากเราคนเดียว เรียกว่าได้ว่าเป็นงานของเรา 100% ซึ่งงานเหล่านี้แหละที่จะช่วยยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้ตัวคุณ เริ่มทำได้จากการโฟกัสความสนใจของเราก่อนว่าอยากทำ อยากเป็นอะไร จากนั้นก็คัดงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นออกมานำเสนอให้มีความน่าสนใจ ยิ่งเรามีผลงานมาก คนที่เข้ามาหาก็จะเข้าใจในตัวตนของคุณมากขึ้น

สรุป

การมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ การสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ได้เรียนรู้ในการทำธุรกิจเป็นต้น และที่สำคัญในปัจจุบันการสร้างแบรนด์สักแบรนด์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเราไม่ต้องไปสร้างโรงงาน หรือซื้อเครื่องจักรต่าง ๆ มาเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ออกมา เนื่องจากมีโรงงานรับผลิตอาหารเสริม หรือโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ที่พร้อมจะบริการอย่างมากมาย เพียงแต่ต้องศึกษาและโรงงานให้ดี เลือกโรงงานที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้รับการรับรอง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ถูกผลิตออกมาอย่างมีคุณภาพ

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.specialtyinnovation.com

บำรุงร่างกายและสมอง ด้วยอาหารเสริมที่ต้องมีติดบ้าน

บำรุงร่างกายและสมอง ด้วยอาหารเสริมที่ต้องมีติดบ้าน

ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นั้นหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เห็นได้จากเทรนด์ดูแลสุขภาพต่าง ๆ ทั้งการทานอาหารคลีนที่ดีต่อสุขภาพ การบริหารร่างกาย ออกกำลังกายเล่นโยคะแก้ปวดหลังปวดไหล่ ไปฟิตเนสปั้นหุ่นให้สวย รวมไปถึงการทานอาหารเสริมที่บำรุงร่ากายและสมอง

โรงงานอาหารเสริม

ซึ่งการทานอาหารเสริมเพิ่มเติมจากอาหารหลักนั้น เนื่องจากในอาหารที่เราทานบางมื้อนั้นอาจมีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ จึงจะต้องทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะสารอาหารที่บำรุงร่างกายและสมอง เพราะทั้งร่างกายและสมองนั้นเป็นส่วนที่สำคัญต่อร่างกาย

ดังนั้นการมีอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงร่างกายและสมองติดบ้านก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะสามารถทานได้ในเวลาที่ต้องการ และด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพทำให้มีผู้คนมากมายหันมาทานอาหารเสริมกันมากขึ้น และส่งผลให้เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมหันมาผลิตอาหารเสริมประเภทนี้กันมากขึ้น

ซึ่งในวันนี้ทาง Kovic ได้รวบรวม 8 อาหารเสริมบำรุงร่างกายและสมองที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ เพื่อเป็นการแนะนำอาหารที่เหมาะสมกับผู้บริโภค และไอเดียในการผลิตอาหารเสริมประเภทนี้สำหรับเจ้าของแบรนด์ทั้งเจ้าเก่าและเจ้าใหม่ให้ได้เลือกผลิตกัน โดยมีดังต่อไปนี้

วิตามินซี

วิตามินซี เป็นวิตามินเสริมที่บำรุงร่างกายได้หลายด้าน ทั้งบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใสและยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นหวัด ภูมิแพ้ แพ้อากาศ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซม เสริมสร้างผนังเซลล์ ช่วยให้เส้นลือดฝอยแข็งแรง ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

ที่สำคัญในช่วยที่มีการระบาดของ COVID-19 ที่ร่างกายจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งวิตามินซีนั้นมีสารช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ โดยสามารถทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง หรือ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน พร้อมอาหารมื้อหลัก จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันเราก็มีวิตามินซีให้เลือกทานอย่างหลากหลาย ทั้งแบบเม็ดกลืน แบบผงชงดื่ม แบบเม็ดสำหรับอมหรือเคี้ยว หรือกระทั่งเม็ดฟู่ละลายแทนน้ำเปล่าก็สะดวกไปอีกแบบ

โปรตีน

โปรตีน เป็นสารอาหารที่สำคัญมากต่อร่างกายของเรา เพราะร่างกายแทบทุกส่วนจำเป็นต้องมีโปรตีนมาสร้างและซ่อมแซม โดยผู้หญิงสุขภาพดีโดยทั่วไปจะต้องการโปรตีนอย่างต่ำวันละ 50 กรัม ส่วนผู้ชายประมาณ 60 กรัม โดยโปรตีนจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้ หากรู้ตัวว่าในแต่ละวันอาหารที่ทานแต่ละมื้อยังไม่เพียงพอ การทานอาหารเสริมจากโปรตีนเช่น โปรตีนผง โปรตีนแท่งก็ช่วยได้ โดยเฉพาะเด็กในวัยเจริญเติบโตและผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายก็จะต้องการโปรตีนมากเป็นพิเศษด้วย

แคลเซียม

แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ แต่ในทางกลับกันร่างกายของเรากลับต้องใช้แคลเซียมในปริมาณมาก ทั้งในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ทั้งควบคุมการเต้นของหัวใจ กล้ามเนื้อ หลอดเลือดและเส้นประสาทของเรา การทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วยจึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากสำหรับทุกเพศทุกวัย

โดยร่างกายคนเราต้องการแคลเซียมโดยเฉลี่ย 800 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยเฉพาะหากเป็นผู้สูงอายุ ผู้ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากถึง 1,200 – 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน

น้ำมันปลา Fish Oil

น้ำมันปลา เป็นอาหารเสริมที่ไม่เพียงช่วยบำรุงสมองเพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 แต่ยังช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดไขมันเลวจำพวกไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สมองอย่างหนักตลอดทั้งวันและผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง และผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เพราะน้ำมันปลาสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ มีทั้ง EPA  DHA และโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวและลดกรดไขมันได้

วิตามินบีรวม

วิตามินบีรวมเป็นอีกหนึ่งกลุ่มวิตามินที่ประกอบด้วยวิตามินบีถึง 8 ชนิด ได้แก่ บี 1, บี 2, บี 3, บี 4, บี 5, บี 6,บี 7, บี 12 และกรดโฟลิก มีสรรพคุณเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายและสมอง ช่วยในการทำงานของการผลิตและควบคุมพลังงานในร่างกาย และสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และยังช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง

โดยจะช่วยในการผลิตเซโรโทนินหรือสื่อนำประสาทให้แก่ร่างกาย บำรุงสมองและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการจดจำให้ดียิ่งขึ้น เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้สมองหนัก ๆ นอนดึกตื่นเช้า นอนหลับไม่เพียงพอ

Zinc หรือ สังกะสี

ซิงค์ เป็นสารที่มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต่อโครงสร้างและการทำงานของเอนไซม์กว่า 300 ตัว เอนไซม์ที่มีสังกะสีประกอบ ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันและลดการติดเชื้อทางเดินอาหารและทางเดินหายใจได้ บรรเทาอาการหวัด ช่วยในการทำงานของอินซูลิน และป้องกันการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดสิว

นอกจากนี้ซิงค์ยังช่วยบำรุงผมและเล็บให้สุขภาพดี ลดความดันโลหิตสูง หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกควบคู่กับการลดการสลายของกระดูกอีกด้วย

คอลลาเจน

คอลลาเจน เป็นอาหารเสริมที่ควรมีติดบ้านอย่างมาก งานวิจัยหลายฉบับชี้ให้เห็นว่า คอลลาเจนในอาหารเสริมยุคใหม่มีอยู่น้อยมากทั้งที่ควรทานเป็นประจำเพื่อเสริมความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง อวัยวะภายในต่าง ๆ กระดูก ใช้บำรุงผิวและรักษาโรคข้อเสื่อม

โดยเฉพาะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายของเราจะมีการสลายของคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปกติร่างกายคนเราสามารถสร้างคอลลาเจนเองได้และได้รับจากอาหารหลายประเภทแต่ในคนที่มีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป ร่างกายจะมีการสังเคราะห์คอลลาเจนลดลงหรือในผู้ที่มีปัจจัยบางอย่างทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย เช่นผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่มีความเครียด ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นต้น จึงต้องได้รับคอลลาเจนที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียนและเกิดริ้วรอยได้

Grape Seed หรือเมล็ดองุ่น

เมล็ดองุ่นมาสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอี เป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดอัตราการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยให้หลอดเลือด เส้นเลือดฝอย และชั้นผิวหนังแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดหัว สร้างภูมิคุ้มกันคงความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย

สรุป

การทานให้ครบ 5 หมู่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอการทานอาหารเสริมก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่มองข้ามไม่ได้ แต่การทานอาหารเสริมนั้นก็ควรเลือกอย่างพิถีพิถัน เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีความปลอดภัย ผลิตจากโรงงานอาหารเสริมที่มีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคและได้รับสารอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : healthplatz.co

แอปทำโลโก้ใช้ง่าย สำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่

แอปทำโลโก้ใช้ง่าย สำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่

มันคงจะดีไม่น้อยเลย ถ้าในวงการธุรกิจของเราทำอยู่นั้นมีแบรนด์ของเราแบรนด์เดียว ไม่ต้องแข่งขันกับแบรนด์อื่นให้ปวดหัว แต่ในโลกแห่งความจริง มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทุกธุรกิจย่อมมีการแข่งขันกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะวงการธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอาง ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในท้องตลาด

ผลิตอาหารเสริม

ซึ่งธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอางนั้น เป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคนิยมซื้อมาบริโภคกันอย่างมากมาย ด้วยคุณสมบัติที่สามารถช่วยบำรุงหรือรักษาสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเช่น อาหารเสริมบำรุงผิว อาหารเสริมลดน้ำหนัก หรือเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณ เป็นต้น

ด้วยกระแสความต้องการทั้งอาหารเสริมและเครื่องสำอางมีมากขึ้น ก็จะมีผลิตอาหารเสริมหรือผลิตเครื่องสำอางเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้มีสินค้ามากมายหลากหลายแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ ส่งผลให้การแข่งขันในธุรกิจนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าจากแบรนด์ตนเองให้มากที่สุด

โดยหนึ่งสิ่งที่สามารถทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นก็คือ การสร้างความโดดเด่นของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้า หรือแม้แต่โลโก้ โดยเฉพาะโลโก้ เพราะโลโก้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์ แน่นอนว่าบางแบรนด์ก็ไม่ได้มีสินค้าเพียงอย่างเดียว ในกรณีที่มีสินค้าในแบรนด์มากมายการมีโลโก้สินค้าที่โดดเด่น น่าจดจำ ส่งผลให้ผู้บริโภคสนใจสินค้าในของแบรนด์มากขึ้น และซื้อสินค้าได้

การออกแบบโลโก้นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่อยู่มาอย่างยาวนาน เพียงแค่บอกความต้องการให้เจ้าหน้าที่กราฟิก ก็ได้โลโก้ออกมาให้เลือกได้อย่างนับไม่ถ้วน แต่สำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นทำแบรนด์สักแบรนด์อาจจะเป็นเรื่องยากสักหน่อย ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่หรือความชำนาญในการออกแบบ ถึงโรงงานผลิตบางที่จะมีบริการช่วยออกแบบโลโก้ให้เราโดยเฉพาะ แต่ก็อาจได้โลโก้มาไม่ถูกใจเราเท่าออกแบบเอง เพื่อการนั้นทาง Kovic รวบรวมเอาแอปพลิเคชันออกแบบโลโก้มาให้เจ้าของแบรนด์มือใหม่ที่อยากออกแบบโลโก้แบรนด์ของตัวเองได้ลองกัน

 แอปทำโลโก้

  • CANVA
  • DesignEvo
  • LogoScopic Studio
  • DesignMantic
  • Logo Maker – Design Monogram

CANVA

Canva คือแอปออกแบบโลโก้ที่ใช้งานง่าย มีเท็มแพลตโลโก้สวย ๆ เยอะมาก อีกทั้งยังมีเท็มแพลตงานออกแบบอื่น ๆ อีกด้วย ๆ ไม่ว่าจะเป็น นามบัตร โบรชัวร์ ป้าย เรซูเม่ และอื่น ๆ ให้เลือกใช้ในแอปเดียว สิ่งที่ต้องทำเพียงแค่เปลี่ยนสี รูป ฟอนต์ ก็สามารถได้โลโก้ที่ต้องการแล้ว ด้วยความง่ายและหลากหลายของตัวแอปจึงทำให้แอปนี้กลายเป็นแอปติดเครื่องของผู้คนมากมาย โดย Canva เป็นแอปที่ให้ใช้ฟรี ยกเว้นต้องการรูปภาพหรือดีไซน์ที่พิเศษ ต้องซื้อแพ็กเกจ Pro ถึงเซฟออกมาใช้งานได้ โดยแพ็กเกจโปรราคาเดือนละ 12.99 ดอลลาร์

DesignEvo

DesignEvo คือแอปพลิเคชันสำหรับออกแบบโลโก้โดยเฉพาะ มีเท็มแพลตให้เลือกกว่า 10,000 แบบ พร้อมฟอนต์ให้เลือกอีกมากมายและหลายภาษาอีกด้วย วิธีใช้เพียงเลือกเท็มแพลตโลโก้ที่ชอบ ปรับสี ข้อความ ขนาด ฟอนต์ได้เอง เรียกได้ว่าปรับได้ตามต้องการทุกสัดส่วน

ที่สำคัญคือแอปนี้สามารถเซฟเป็นไฟล์เวกเตอร์ได้อีกด้วย เอาไปพิมพ์หรือขยายก็ไม่แตก แต่ถ้าหากต้องการบริการนี้ต้องซื้อเพิ่ม เริ่มที่ 1.99 ดอลลาร์ แต่แบบฟรีก็มีให้เลือกเช่นกัน แต่จะใช้ได้แค่ไฟล์ภาพธรรมดาเท่านั้น

LogoScopic Studio

LogoScopic Studio เป็นแอปที่ช่วยให้มีโลโก้เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่ถึง 10 นาที ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านโปรแกรมออกแบบใด ๆ ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงเข้าแอป เลือกประเภทธุรกิจที่ต้องการ จากนั้นจะมีเท็มแพลตโลโก้ขึ้นมาให้เลือกแบบที่ต้องการ ปรับแต่งสีสัน เพิ่มข้อความ ย่อหรือขยายอีดนิด แล้วดาวน์โหลดลงเครื่องได้เลย

หากต้องการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ในแอปแบบเต็มรูปแบบต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติมปีละ 39.99 ดอลลาร์ แต่หากไม่อยากเสีย แบบฟรีก็ใช้งานได้เช่นกัน เพียงแค่ถูกจำกัดการใช้เครื่องมือหรือเท็มแพลตบางตัวเอาไว้

DesignMantic

DesignMantic คือแอปออกแบบโลโก้ที่ใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เลือกเท็มแพลตที่ชอบแล้วปรับแต่งสี ขนาด เปลี่ยนข้อความได้ตามใจชอบด้วยการคลิกและลากเมาส์ไปเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะด้านการออกแบบเลย เพราะเท็มแพลตถูกออกแบบและจัดวางสี ขนาด และฟอนต์จนพร้อมใช้งานแล้ว เพียงแค่ใส่ชื่อแบรนด์ของเราไปเท่านั้น

ค่าบริการ DesignMantic คิดเป็นต่อ 1 การออกแบบที่โหลดมาใช้งาน หากไม่โหลดก็ไม่ต้องเสียเงิน แต่เมื่อเสียเงินแล้วจะโหลดโลโก้ตัวนั้น ๆ ออกมาได้อย่างไม่จำกัดครั้ง แต่หากออกแบบใหม่ก็ต้องจ่ายเงินอีกครั้งสำหรับการดาวน์โหลดโลโก้นั้น ๆ

Logo Maker – Design Monogram

Logo Maker – Design Monogram มีเท็มแพลตโลโก้ให้เลือกกว่า 8,000 แบบ พร้อมทั้งมีไอคอนต่าง ๆ ให้เลือกอีกกว่า 5,000 รูป ยังไม่รวมถึงฟอนต์ที่มีหลายภาษา การใช้งานก็ง่ายไม่แพ้แอปอื่น คือเลือกเท็มแพลตที่ชอบ แต่งสี ปรับขนาด เพิ่มชื่อและข้อความ จากนั้นกดดาวน์โหลดออกมาใช้งานได้และ และยังนำโลโก้ไปออกแบบนามบัตรต่อได้อีกด้วย

ค่าบริการของ Logo Maker – Design Monogram ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เลือก จ่ายเป็นรายครั้ง รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปีก็ได้ เริ่มที่ 2.99 ดอลลาร์เท่านั้น

สรุป

การออกแบบโลโก้สินค้านั้นจะช่วยให้สินค้าเป็นที่จดจำแก่ผู้บริโภคได้ก็จริง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณภาพของสินค้าก็ต้องมาก่อน เพราะถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้าหากสินค้าไม่มีคุณภาพ โลโก้นั้นจะกลายเป็นเครื่องย้ำเตือนแก่ผู้บริโภคว่าอย่าซื้อสินค้าจากแบรนด์นี้ เพราะไม่ได้คุณภาพ

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.huapood.com

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติดีอย่างไร

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติดีอย่างไร

ถ้าให้พูดถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เทรนด์ที่ผู้บริโภคต่างนิยมกันในปัจจุบันและไม่มีท่าทีว่าจะตกเทรนด์ไปได้เลยนั้น ก็คงหนีไม่พ้นเทรนด์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนหันมาสนใจการรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากมาย ด้วยการรักธรรมชาตินี้จึงส่งผลไปยังเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้ถุงพลาสติก การใช้กล่องหรือถุงที่มีวัสดุจากธรรมชาติ รวมไปถึงการบริโภคอาหารเสริมและเครื่องสำอางทีมีผู้บริโภคบางส่วนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

ผลิตครีม

สมมติเดินไปเจอเครื่องสำอาง 2 แบรนด์ แบรนด์หนึ่งเป็นสินค้าปกติ ส่วนอีกแบรนด์เป็นสินค้าจากธรรมชาติ มีความเป็นไปได้สูงว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากธรรมชาตินั้นจะถูกซื้อไปใช้สูง ทำให้ช่วงระยะหลังมานี้ได้มีเจ้าของแบรนด์หลายรายไม่ว่าจะเป็นเจ้าเก่าหรือเจ้าใหม่ หันมาผลิตอาหารเสริมหรือผลิตเครื่องสำอาง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์แบบธรรมชาติ ซึ่งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้นคืออะไร และดีอย่างไร วันนี้ทาง Kovic จะพาไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติกัน

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ คืออะไร

ถ้าอยากจะเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือแม้แต่ผู้ที่สนใจอยากจะลองทำ แต่ยังไม่รู้จักกันผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เลยว่าคืออะไร ก็อาจทำให้การมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการจะเริ่มสร้างแบรนด์ ควรทำความรู้ก่อนว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติคืออะไร

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้น คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นจากส่วนประกอบที่เป็นสารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติมากกว่า 95% ของส่วนประกอบทั้งหมด ต้องไม่เติมน้ำหอมสังเคราะห์ สี ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสารสกัดจากธรรชาติเหล่านั้นสามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะดังนี้

  • สารสกัดจากธรรมชาติ นั้นจะต้องได้มาจากธรรมชาติ (Natural) น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันหอมระเหย
  • สารสกัดจากธรรมชาติ นั้นจะต้องมีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ แต่อาจมีการกระบวนการผลิตบางอย่างที่ดัดแปลง จนได้ออกมาเป็นสารชนิดหนึ่ง (Natural Origin) เช่น Sodium Coco Glucoside ซึ่งเป็นสารสกัดที่มีต้นกำเนิดมาจากมะพร้าวเป็นต้น

จากข้อมูลข้างต้นก็พอจะเห็นภาพแล้วว่า ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้นค่อนข้างบริสุทธิ์ และอาจส่งผลเสียอันเกิดจากสารเคมีได้น้อยมาก ทำให้หลายคนให้ความสนใจและไว้วางใจการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติดีอย่างไร

ลดการระคายเคือง

สารเคมี สีสังเคราะห์ และสารอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง หรือสิวได้ บางคนอาจแพ้สารเคมีทั่วไปที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาด ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อดูแลผิวน่าจะเป็นทางเลือกที่สวยงามและยั่งยืนกว่า

ไม่มีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์

เพื่อเป็นการยืดอายุของผลิตภัณฑ์ จึงมีการใช้พาราเบน (Paraben) ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม แต่พาราเบนเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย จึงเป็นสิ่งที่กังวลว่าสารชนิดนี้อาจส่งผลต่อระบบเอ็นดอร์คริน (เซลล์ที่ผลิตฮอร์โมน) สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

ดีต่อระบบทางเดินหายใจ

กลิ่นสังเคราะห์ที่ใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์เพื่อกลบกลิ่นสารเคมี นั่นหมายถึงว่าใช้สารเคมีชนิดหนึ่งกลบกลิ่นของสารเคมีอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อสูดดมแล้วอาจทำให้ปวดศีรษะได้ ส่วนผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีกลิ่นจากส่วนประกอบของธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี และบางชนิดที่ผสมเอสเชนเชียออยล์ธรรมชาติก็ทำให้มีกลิ่นหอมที่ช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วย

ดีต่อร่างกายระยะยาว

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ผลิตด้วยกระบวนการที่เหมาะสม ดีกว่าผลิตภัณฑ์จากสารเคมีเพราะไม่มีสารเติมเต็มหรือสารก่อให้เกิดการระคายเคือง รวมถึงไม่มีส่วนผสมใด ๆ ที่มีผลการวิจัยระบุว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แม้ว่าสารสังเคราะห์อาจดูเหมือนให้ผลชัดเจนกว่าในช่วงแรกแต่หากใช้ไปนาน ๆ สารเคมีอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ มีผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า 60% ของสิ่งที่ทาลงไปบนผิวจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงควรเลือกผลิคภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติแทนที่จะเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความเสี่ยง

ดีต่อสิ่งแวดล้อม

ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารเคมีอาจมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งปล่อยสารเคมีสู่อากาศและแหล่งน้ำ และยังปล่อยลงท่อน้ำทั้งเวลาใช้ที่บ้านอีกด้วย แต่ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนประกอบจากธรรมชาติ ก็จะปล่อยสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อมน้อยลง และควรใช้ส่วนผสมที่สามารถย่อยสลายได้ในสิ่งแวดล้อมและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงไม่ควรมีการทดลองผลิตภัณฑ์ใด ๆ กับสัตว์โดยเด็ดขาด

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติน่าทำแบรนด์

  • ยาหม่อง ปัจจุบันคนเริ่มหันใจสนใจสมุนไพรเพื่อบำบัดและรักษามากขึ้น ด้วยสรรพคุณของสมุนไพรธรรมชาติ จนเห็นได้ว่าทุกบ้านในไทยนั้นมักจะมี “ยาหม่อง” ติดบ้านไว้เสมอ เพื่อลดรอยช้ำหรือคลายปวดเมื่อย บ้างก็ซื้อไว้เพื่อสูดดมความเย็น แก้วิงเวียนศีรษะได้ดี
  • แฮนด์ครีม ในปัจจุบันที่ทั่วโลกประสบกับปัญหา COVID-19 จึงจะต้องหมั่นล้างมื้อด้วยแอลกอฮอล์เจล แต่เมื่อใช้ในเวลานานก็ส่งผลให้มือแห้งและลอกได้ ดังนั้นจึงจะต้องมีการบำรุงมือเป็นประจำ สามารถทำได้ด้วยการทา “แฮนด์ครีม” จึงทำให้แฮนด์ครีมเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในการสร้างแบรนด์
  • น้ำมันหอมระเหย เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่นิยมในร้านนวดสปา เนื่องจากมีผลวิจัยว่ามีส่วนช่วยในการบำบัดร่างกายและจิตใจได้ นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยยังสามารถนำไปเป็นส่วนผสมในการแต่งกลิ่นสินค้าได้อีกมากมายเช่น น้ำมันนวด ยาสระผม แฮนด์ครีม โลชั่นบำรุงผิวเป็นต้น

สรุป

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้นค่อนข้างมีความปลอดภัย เนื่องจากมีสารกกัดจากธรรมชาติมากกว่า 95 % ปราศจากการตกแต่งกลิ่นและสีสังเคราะห์ รวมไปถึงปราศจากสารอันตรายปนเปื้อน ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงได้รับความสนใจของผู้บริโภคอย่างมาก

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา

www.skinpower.co.th

oem.thaimedicos.com

ผลิตครีม

ประเภทสกินแคร์ เรื่องควรรู้ก่อนทำแบรนด์

ประเภทสกินแคร์ เรื่องควรรู้ก่อนทำแบรนด์

สกินแคร์ เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจมากในปัจจุบัน เนื่องจากคุณสมบัติต่าง ๆ ของสกินแคร์แต่ละแบรนด์ที่ผลิตออกมาสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งในปัจจุบันผู้คนก็หันมาสนใจเรื่องของผิวหน้า ผิวพรรณกันมากขึ้น การบำรุงผิวหรือดูแลผิวจากปัญหาต่าง ๆ ทำให้สกินแคร์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ผลิตครีม

เมื่อเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ก็ย่อมมีความต้องการมากขึ้น ทำให้แบรนด์สกินแคร์มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว และยังมีผู้ที่สนใจที่จะเริ่มทำแบรนด์สกินแคร์เป็นของตัวเองอีกมากมาย แต่ก่อนที่จะเดินเข้าโรงงานเพื่อสั่งผลิตสินค้านั้น ควรจะต้องรู้ก่อนว่าสกินแคร์นั้นมีกี่ประเภท

เพราะสกินแคร์นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับอาหารเสริม เนื่องจากจะต้องดูว่าสกินแคร์ที่เราต้องการผลิตนั้น เพื่อลูกค้ากลุ่มไหน ผิวหน้าของลูกค้าเป็นอย่างไร ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ซึ่งถ้าหากเราเลือกประเภทของสกินแคร์ไม่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของกลุ่มลูกค้า นอกจากจะไม่สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว อาจจะขาดทุนย่อยยับเลยก็ได้ ดังนั้นควรเลือกสกินแคร์ให้ถูกประเภทกับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ โดยในวันนี้ทาง Kovic จะพาไปรู้จักประเภทของสกินแคร์กัน

สกินแคร์คืออะไร

สกินแคร์ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทหนึ่งที่มีการบำรุงที่ล้ำลึกไม่ว่าจะเป็นบำรุงผิวในเรื่องของริ้วรอย จุดด่างดำ สิว และการปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใส ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้อย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น น้ำตบ เซรั่ม โทนเนอร์ ที่ช่วยปรับสภาพผิวได้ดีกว่าการล้างหน้าแล้วทาครีมอย่างเดียว ด้วยความที่ประสิทธิภาพการบำรุงที่ดีและอ่อนโยน เห็นผลได้อย่างชัดเจนทำให้หลาย ๆ คนจึงนิยมใช้สกินแคร์ในการบำรุงผิวหน้า

ประเภทของสกินแคร์

สกินแคร์นั้นมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและผิวพรรณของผู้บริโภค จึงทำให้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีมากมาย ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าก่อนที่จะต้องผลิตสกินแคร์ออกมานั้น จะต้องรู้ถึงประเภทของสกินแคร์ก่อน เพื่อผลิตสินค้าออกมาตรงความต้องการและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด โดยประเภทของสกินแคร์มีดังต่อไปนี้

  • เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover)
  • คลีนเซอร์ (Cleanser)
  • โทนเนอร์ (Toner)
  • เอสเซนส์ (Essence)
  • เซรั่ม (Serum)
  • อีมัลชั่น (Emulsion)
  • โลชั่น (Lotion)
  • ครีม (Cream)
  • ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)

เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover)

เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover) หรือคลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง มีลักษณะเป็นของเหลวเช่น ออยล์ เจล น้ำ เป็นต้น วิธีใช้มีทั้งแบบหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดทำความสะอาด หรือนวดลงบนผิวหน้าแล้วค่อยใช้สำลีล้างออก เป็นการทำเพื่อล้างเครื่องสำอางเหมาะอย่างยิ่งกับกลุ่มลูกค้าที่แต่งหน้าแล้วต้องลงรองพื้น บีบี ไพรเมอร์ รวมไปถึงครีมกันแดด

เนื่องจากเมคอัพรีมูฟเวอร์จะช่วยเช็ดเครื่องสำอางเหล่านี้ออกจนหมดก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการล้างหน้าด้วยครีนเซอร์ ทำให้เครื่องสำอาง สิ่งสกปรก ความมันไม่อุดตันบนผิวหน้า เมคอัพรีมูฟเวอร์มีหลายประเภทให้เลือก ดังนี้

  • คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water) มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันน้อยมากจึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ แต่สำหรับเครื่องสำอางชนิดกันน้ำอาจทำความสะอาดได้ไม่หมด ควรใช้คลีนซิ่งชนิดอื่นทำความสะอาดก่อน
  • คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk) ลักษณะภายนอกเหมือนคลีนซิ่งวอเตอร์ แต่มีส่วนผสมของน้ำมัน เหมาะกับการล้างเครื่องสำอางแบบกันน้ำ
  • คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel) มีลักษณะเป็นเจล ทั้งแบบเจลสีขุ่นและเจลใส เหมาะทำความสะอาดในวันที่แต่งหน้าเบา ๆ ไม่ลงรองพื้น

คลีนเซอร์ (Cleanser)

คลีนเซอร์ คือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลังจากที่ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว คลีนเซอร์จะทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างในรูขุมขน และควรใช้ในทุกเช้าหลังตื่นนอน ไม่ใช่เฉพาะหลังล้างเครื่องสำอาง คลีนเซอร์มีหลายประเภท เช่น

  • สบู่ก้อน (Soap) สบู่ล้างหน้า ที่สามารถล้างสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจดเพราะมีค่า pH สูง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวแห้ง
  • เจลล้างหน้า (Gel) เจลล้างหน้ามีทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟอง ใช้นวดทำความสะอาดทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวมัน
  • โฟมล้างหน้า (Foam) เป็นคลีนเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลักษณะคล้ายเนื้อครีม มักตีให้เกิดฟองฟู ๆ ก่อนนำมานวดบนผิวหน้าแล้วล้างออก แต่โฟมบางชนิดก็ไม่มีฟอง

โทนเนอร์ (Toner)

โทนเนอร์ คือสิ่งที่จะช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากทำความสะอาดหน้าและเตรียมความพร้อมของผิวสำหรับการบำรุงด้วยสกินแคร์ โทนเนอร์มีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อบาง และมักมีวิตามินและเกลือแร่บำรุงผิว

เอสเซนส์ (Essence)

เอสเซนส์ หรือที่หลายคนเรียกติดปากกันว่าน้ำตบ คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในขั้นแรก มีลักษณะเป็นน้ำเหลวใส เบาบาง ส่วนผสมไม่เข้มข้นเท่าเซรั่ม จึงซึมสู่ผิวได้เร็วกว่า และเหมาะกับทุกสภาพผิว

เซรั่ม (Serum)

เซรั่ม คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้นกว่าเอสเซนส์ จึงเห็นผลได้ไวกว่า เซรั่มมีส่วนผสมของน้ำมัน จึงไม่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวมัน เซรั่มสามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างเจาะจงเช่น แก้ปัญหาสิว ริ้วรอย จุดหมองคล้ำ

อีมัลชั่น (Emulsion)

อีมัลชั่น คือมอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อบางเบา มีส่วนผสมของโลชั่นและครีมแต่ออกไปทางโลชั่นมากกว่า เหมาะทั้งกลุ่มลูกค้าผิวแห้ง และผิวมัน เพราะอีมัลชั่นช่วงคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งสำหรับผิวมันเกิดจากผิวขาดน้ำ รูขุมขนจึงผลิตน้ำมันออกมา การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยอีมัลชั่นจะลดความมันบนใบหน้าได้

โลชั่น (Lotion)

โลชั่น ไม่ใช่สกินแคร์สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้น แต่ยังบำรุงผิวหน้าได้ด้วย ซึ่งจะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่า แต่จะเหลวกว่าเดิมเนื้อครีม การทาโลชั่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อลดการสูญเสียน้ำ เหมาะทั้งผิวธรรมดาและผิวผสม

นอกจากนี้สกินแคร์ทางฝั่งเอเชียก็มีผลิตภัณฑ์โลชั่นที่เป็นน้ำคล้ายโทนเนอร์และเอสเซนส์ ซึ่งไว้ใช้เป็นน้ำตบได้เช่นกัน

ครีม (Cream)

ครีม เป็นสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด และมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะที่สุด จึงมีเนื้อเข้มข้นที่สุด แม้จะใช้เวลาในการซึมซาบสู่ผิวนานกว่าแบบอื่น ๆ แต่ก็ช่วยคงความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือทาในช่วงอากาศหนาว เพราะมีน้ำมันช่วยเคลือบผิวป้องกันการสูญเสียน้ำ

ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)

ผลิตภัณฑ์กันแดด เป็นสกินแคร์ที่ใช้ในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่น และยังทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และฝ้ากระตามมา ถ้าร้ายแรงก็อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย

ซึ่งผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีทั้งแบบดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตเอาไว้ กับแบบที่สะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตออกไป และยังมีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบครีม โลชั่น เจล ขี้ผึ้ง และสเปรย์

สรุป

ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือดูแล บำรุงและแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย สิว และจุดด่างดำ อย่างเห็นผล ดังนั้นสำหรับเจ้าของแบรนด์สกินแคร์มือใหม่ ควรพิจารณาถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน และเลือกประเภทสกินแคร์ให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา

www.lifestyleissue.com

beauty-worthen.com