ประเภทสกินแคร์ เรื่องควรรู้ก่อนทำแบรนด์
ประเภทสกินแคร์ เรื่องควรรู้ก่อนทำแบรนด์
สกินแคร์ เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจมากในปัจจุบัน เนื่องจากคุณสมบัติต่าง ๆ ของสกินแคร์แต่ละแบรนด์ที่ผลิตออกมาสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งในปัจจุบันผู้คนก็หันมาสนใจเรื่องของผิวหน้า ผิวพรรณกันมากขึ้น การบำรุงผิวหรือดูแลผิวจากปัญหาต่าง ๆ ทำให้สกินแคร์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

เมื่อเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ก็ย่อมมีความต้องการมากขึ้น ทำให้แบรนด์สกินแคร์มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว และยังมีผู้ที่สนใจที่จะเริ่มทำแบรนด์สกินแคร์เป็นของตัวเองอีกมากมาย แต่ก่อนที่จะเดินเข้าโรงงานเพื่อสั่งผลิตสินค้านั้น ควรจะต้องรู้ก่อนว่าสกินแคร์นั้นมีกี่ประเภท
เพราะสกินแคร์นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับอาหารเสริม เนื่องจากจะต้องดูว่าสกินแคร์ที่เราต้องการผลิตนั้น เพื่อลูกค้ากลุ่มไหน ผิวหน้าของลูกค้าเป็นอย่างไร ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ซึ่งถ้าหากเราเลือกประเภทของสกินแคร์ไม่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของกลุ่มลูกค้า นอกจากจะไม่สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว อาจจะขาดทุนย่อยยับเลยก็ได้ ดังนั้นควรเลือกสกินแคร์ให้ถูกประเภทกับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ โดยในวันนี้ทาง Kovic จะพาไปรู้จักประเภทของสกินแคร์กัน
สกินแคร์คืออะไร
สกินแคร์ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทหนึ่งที่มีการบำรุงที่ล้ำลึกไม่ว่าจะเป็นบำรุงผิวในเรื่องของริ้วรอย จุดด่างดำ สิว และการปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใส ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้อย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น น้ำตบ เซรั่ม โทนเนอร์ ที่ช่วยปรับสภาพผิวได้ดีกว่าการล้างหน้าแล้วทาครีมอย่างเดียว ด้วยความที่ประสิทธิภาพการบำรุงที่ดีและอ่อนโยน เห็นผลได้อย่างชัดเจนทำให้หลาย ๆ คนจึงนิยมใช้สกินแคร์ในการบำรุงผิวหน้า
ประเภทของสกินแคร์
สกินแคร์นั้นมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและผิวพรรณของผู้บริโภค จึงทำให้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีมากมาย ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าก่อนที่จะต้องผลิตสกินแคร์ออกมานั้น จะต้องรู้ถึงประเภทของสกินแคร์ก่อน เพื่อผลิตสินค้าออกมาตรงความต้องการและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด โดยประเภทของสกินแคร์มีดังต่อไปนี้
- เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover)
- คลีนเซอร์ (Cleanser)
- โทนเนอร์ (Toner)
- เอสเซนส์ (Essence)
- เซรั่ม (Serum)
- อีมัลชั่น (Emulsion)
- โลชั่น (Lotion)
- ครีม (Cream)
- ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)
เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover)
เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover) หรือคลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง มีลักษณะเป็นของเหลวเช่น ออยล์ เจล น้ำ เป็นต้น วิธีใช้มีทั้งแบบหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดทำความสะอาด หรือนวดลงบนผิวหน้าแล้วค่อยใช้สำลีล้างออก เป็นการทำเพื่อล้างเครื่องสำอางเหมาะอย่างยิ่งกับกลุ่มลูกค้าที่แต่งหน้าแล้วต้องลงรองพื้น บีบี ไพรเมอร์ รวมไปถึงครีมกันแดด
เนื่องจากเมคอัพรีมูฟเวอร์จะช่วยเช็ดเครื่องสำอางเหล่านี้ออกจนหมดก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการล้างหน้าด้วยครีนเซอร์ ทำให้เครื่องสำอาง สิ่งสกปรก ความมันไม่อุดตันบนผิวหน้า เมคอัพรีมูฟเวอร์มีหลายประเภทให้เลือก ดังนี้
- คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water) มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันน้อยมากจึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ แต่สำหรับเครื่องสำอางชนิดกันน้ำอาจทำความสะอาดได้ไม่หมด ควรใช้คลีนซิ่งชนิดอื่นทำความสะอาดก่อน
- คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk) ลักษณะภายนอกเหมือนคลีนซิ่งวอเตอร์ แต่มีส่วนผสมของน้ำมัน เหมาะกับการล้างเครื่องสำอางแบบกันน้ำ
- คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel) มีลักษณะเป็นเจล ทั้งแบบเจลสีขุ่นและเจลใส เหมาะทำความสะอาดในวันที่แต่งหน้าเบา ๆ ไม่ลงรองพื้น
คลีนเซอร์ (Cleanser)
คลีนเซอร์ คือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลังจากที่ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว คลีนเซอร์จะทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างในรูขุมขน และควรใช้ในทุกเช้าหลังตื่นนอน ไม่ใช่เฉพาะหลังล้างเครื่องสำอาง คลีนเซอร์มีหลายประเภท เช่น
- สบู่ก้อน (Soap) สบู่ล้างหน้า ที่สามารถล้างสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจดเพราะมีค่า pH สูง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวแห้ง
- เจลล้างหน้า (Gel) เจลล้างหน้ามีทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟอง ใช้นวดทำความสะอาดทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวมัน
- โฟมล้างหน้า (Foam) เป็นคลีนเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลักษณะคล้ายเนื้อครีม มักตีให้เกิดฟองฟู ๆ ก่อนนำมานวดบนผิวหน้าแล้วล้างออก แต่โฟมบางชนิดก็ไม่มีฟอง
โทนเนอร์ (Toner)
โทนเนอร์ คือสิ่งที่จะช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากทำความสะอาดหน้าและเตรียมความพร้อมของผิวสำหรับการบำรุงด้วยสกินแคร์ โทนเนอร์มีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อบาง และมักมีวิตามินและเกลือแร่บำรุงผิว
เอสเซนส์ (Essence)
เอสเซนส์ หรือที่หลายคนเรียกติดปากกันว่าน้ำตบ คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในขั้นแรก มีลักษณะเป็นน้ำเหลวใส เบาบาง ส่วนผสมไม่เข้มข้นเท่าเซรั่ม จึงซึมสู่ผิวได้เร็วกว่า และเหมาะกับทุกสภาพผิว
เซรั่ม (Serum)
เซรั่ม คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้นกว่าเอสเซนส์ จึงเห็นผลได้ไวกว่า เซรั่มมีส่วนผสมของน้ำมัน จึงไม่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวมัน เซรั่มสามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างเจาะจงเช่น แก้ปัญหาสิว ริ้วรอย จุดหมองคล้ำ
อีมัลชั่น (Emulsion)
อีมัลชั่น คือมอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อบางเบา มีส่วนผสมของโลชั่นและครีมแต่ออกไปทางโลชั่นมากกว่า เหมาะทั้งกลุ่มลูกค้าผิวแห้ง และผิวมัน เพราะอีมัลชั่นช่วงคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งสำหรับผิวมันเกิดจากผิวขาดน้ำ รูขุมขนจึงผลิตน้ำมันออกมา การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยอีมัลชั่นจะลดความมันบนใบหน้าได้
โลชั่น (Lotion)
โลชั่น ไม่ใช่สกินแคร์สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้น แต่ยังบำรุงผิวหน้าได้ด้วย ซึ่งจะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่า แต่จะเหลวกว่าเดิมเนื้อครีม การทาโลชั่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อลดการสูญเสียน้ำ เหมาะทั้งผิวธรรมดาและผิวผสม
นอกจากนี้สกินแคร์ทางฝั่งเอเชียก็มีผลิตภัณฑ์โลชั่นที่เป็นน้ำคล้ายโทนเนอร์และเอสเซนส์ ซึ่งไว้ใช้เป็นน้ำตบได้เช่นกัน
ครีม (Cream)
ครีม เป็นสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด และมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะที่สุด จึงมีเนื้อเข้มข้นที่สุด แม้จะใช้เวลาในการซึมซาบสู่ผิวนานกว่าแบบอื่น ๆ แต่ก็ช่วยคงความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือทาในช่วงอากาศหนาว เพราะมีน้ำมันช่วยเคลือบผิวป้องกันการสูญเสียน้ำ
ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)
ผลิตภัณฑ์กันแดด เป็นสกินแคร์ที่ใช้ในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่น และยังทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และฝ้ากระตามมา ถ้าร้ายแรงก็อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย
ซึ่งผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีทั้งแบบดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตเอาไว้ กับแบบที่สะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตออกไป และยังมีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบครีม โลชั่น เจล ขี้ผึ้ง และสเปรย์
สรุป
ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือดูแล บำรุงและแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย สิว และจุดด่างดำ อย่างเห็นผล ดังนั้นสำหรับเจ้าของแบรนด์สกินแคร์มือใหม่ ควรพิจารณาถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน และเลือกประเภทสกินแคร์ให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน
โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย
แหล่งที่มา
www.lifestyleissue.com
beauty-worthen.com