เรื่อง

รับผลิตอาหารเสริม

10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน

10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน

วิตามิน เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย และมีคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ และด้วยปัจจุบันที่กระแสรักสุขภาพนั้นเป็นที่นิยม ทำให้ผู้คนมากมายหันมาสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่การทานอาหารนั้นอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะอาหารแต่ละอย่างก็มีสารอาหารหรือวิตามินที่แตกต่างกันไป ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้หลายคนหันไปบริโภควิตามินเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินต่าง ๆ ในแต่ละวันให้เพียงพอ

รับผลิตอาหารเสริม

แต่ถึงแม้ว่าวิตามินไม่ว่าจะเป็นวิตามินจากธรรมชาติหรือวิตามินเสริมที่มีการผลิตจากโรงงานผลิตอาหารเสริม จะมีประโยชน์มากแค่ไหน แต่ถ้าหากทานผิดวิธีหรือไม่รู้ถึงประโยชน์ที่แท้ของวิตามินตัวนั้นก็ไม่สามารถช่วยบำรุงร่างกายได้ เพราะวิตามินแต่ละตัวก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญวิตามินต่าง ๆ ยังมีความลับซ่อนอยู่ หากรู้ก็ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและดีต่อร่างกาย โดยทาง Kovic ได้รวบรวม 10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามินคุณควรรู้

วิตามินบางชนิดควรได้รับทุกวัน

วิตามินบางชนิดจำเป็นต้องได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซีและวิตามินบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ วิตามินกลุ่มนี้ไม่ถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ คุณจึงต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน และแม้ร่างกายจะได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย

วิตามินเอ ซี อีและแร่ซิลีเนียม เด่นด้านการชะลอวัย

วิตามินเอ ซี อี และแร่ซิลีเนียม เป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นกว่าวิตามินตัวไหน ๆ ซึ่งพบมากให้ผลไม้ อาทิ ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี่ ฝรั่ง และส้ม ส่วนผักได้แก่ บรอกโคลี ผักโขม ผักบุ้ง ซึ่งการทานให้ได้ผลดีที่สุดควรทานในรูปแบบผัก ผลไม้สด แต่หากเป็นคนที่ทานผักและผลไม้ได้น้อย แหล่งอาหารเสริมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทานได้

เบต้าแคโรทีน ทานดีทั้งรูปแบบอาหารและอาหารเสริม

หากต้องการทานเบต้าแคโรทีนเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย แนะนำให้รับประทานในรูปอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง แต่หากต้องการทานเพื่อรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่สามารถทานในรูปแบบอาหารเสริมก็ได้ แต่ควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

ไข่ขาวดิบ ทำลายวิตามินบี 7

ไข่ขาวดิบมีสารที่ส่งผลต่อไบโอตินในวิตามินบี 7 ที่อยู่ในลำไส้และขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย หากรับประทานไข่ขาวดิบปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 2 ฟอง หรือมากกว่า 2 ฟองต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน จะทำให้ร่างกายขาดไบโอตินได้ เพราะไข่ขาวมีสารที่ทำลายไบโอติน

วิตามินซี ไม่ได้มีดีแค่ป้องกันหวัด

วิตามินซี เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายในชีวิตประจำมาก ๆ เพราะช่วยต้านความเครียด เพิ่มความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ที่สำคัญช่วยต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง และยังมีบทบาทช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่ COVID-19 ระบาด การเพิ่มภูมิคุ้มให้กับตัวองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้วิตามินซีมีเข้ามามีบทบาทในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และส่งผลให้วิตามินซีเสริมเป็นที่สนใจของเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมในการผลิตอาหารเสริมชนิดนี้ออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น

วิตามินดี ดีสมชื่อ

หลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่า วิตามินดีมีดีกว่าการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกและฟัน หรือกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในร่างกาย เพราะมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม รวมถึงยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังได้อีกด้วย

วิตามินอี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณ

วิตามินอี วิตามินที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวสำหรับคุณผู้หญิง แต่สำหรับคุณผู้ชายก็ไม่น้อยหน้า เพราะวิตามินอีช่วยแก้ปัญหาความบกพร่องของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรยาก รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย

วิตามินบี 5 ปราบสิว

ใครจะคิดว่าวิตามินบี 5 ช่วยเรื่องสิวได้ แต่จริง ๆ แล้วช่วยได้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งของคนที่เป็นสิวอาจเพราะขาด Coenzyme – A ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี 5 ในการสร้าง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี ไขมันจึงออกมาทางส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนังและเป็นสิวในที่สุด แต่หากร่างกายมีวิตามินบี 5 เพียงพอก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญไขมันทำงานปกติ ผิวหนังไม่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินจนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

ทานวิตามินพร้อมอาหารและหลังอาหาร

ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามินคือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แต่ก็มีวิธีทานวิตามมินให้ได้ผลดี คือวิตามินบีรวมและวิตามินซี ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ส่วนวิตามินเอ ดี อี เคที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องทานวิตามินในมื้อเดียวให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้าครึ่งหนึ่งอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

วิตามินมีกลิ่น ไม่ได้เสีย

หลายคนเมื่อได้กลิ่นแรงของวิตามินมักคิดว่าเสีย แต่ความจริงแล้วคือการเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเก็บไว้ผิดที่ คือโดนแสงแดดและอุณหภูมิสูงเกินไป หากรับประทานก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง นอกจากนี้วิตามินที่มีรอยร้าวที่เม็ดยังมีคุณภาพและทานได้ตามปกติ เพราเกิดจากการเคลือบเม็ดมาไม่ดีเท่านั้น

วิตามินต่าง ๆ ย่อมมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรสำรวจตนเองว่าร่างกายของคุณขาดวิตามินตัวไหน หรือต้องการบำรุงร่างกายในเรื่องอะไร เพื่อจะได้เลือกทานวิตามินให้ถูกต้อง รวมไปถึงเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมที่กำลังสนใจผลิตอาหารเสริมวิตามิน ควรพิจารณาถึงสรรพคุณของวิตามินแต่ละตัวให้อย่างรอบครอบ เพื่อให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นที่สนใจของผู้บริโภค

สรุป

การทานวิตามิน สามารถช่วยบำรุงร่างกายในต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นควรทานวิตามินให้ครบ ทั้งจากอาหารในแต่ละมื้อหรือวิตามินที่เป็นอาหารเสริม ซึ่งหากทานเป็นอาหารเสริมควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ผลิตจากโรงงานรับผลิตอาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการรับประทาน และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.bangkokhospital.com

สารสกัดยอดนิยมในอาหารเสริมผู้หญิง

สารสกัดยอดนิยมในอาหารเสริมผู้หญิง

ในร่างกายของเรานั้นไม่เหมือนกัน จึงจะต้องมีการดูแลและบำรุงที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้ถึงจะทำให้มีแบรนด์อาหารเสริมหลากหลายประเภทออกมาจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ไม่สามารถทานอาหารครบ 5 หมู่ หรือได้รับสารอาหารที่ช่วยบำรุงเรื่องต่าง ๆ เพียงพอ การทานอาหารเสริมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคหลายคนสนใจโดยเฉพาะผู้หญิง

โรงงานรับผลิตอาหารเสริม

ต้องยอมรับกันเลยว่าผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มในการซื้ออาหารเสริมมาบริโภคมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมักจะให้ความสนใจ ใส่ใจในการดูแลและบำรุงร่างกายมากกว่าผู้ชาย ที่สำคัญในร่างกายผู้หญิงมีส่วนที่ต้องดูแลหรือบำรุงมากกว่าผู้ชาย จึงส่งผลให้มีเจ้าของแบรนด์ผลิตอาหารเสริมเกี่ยวกับผู้หญิงมากกว่าอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย

โดยอาหารเสริมแต่ตัวก็ใช่ว่าจะมีส่วนประกอบหรือสารสกัดเหมือนกันหมด มันจะมีสารสกัดบางอย่างที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ไม่ว่าด้วยการสร้างความแตกต่างของแบรนด์ หรือแม้แต่คุณภาพหรือผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคนั้นมีทางเลือกในการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากขึ้น

โดยวันนี้ทาง Kovic ได้รวบรวมเอาสารสกัดยอดนิยมในอาหารเสริมผู้หญิงมาฝากกัน เพื่อเป็นทางเลือกในการผลิตอาหารเสริมสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่กำลังมองหาอาหารเสริมผู้หญิงสักตัวมาบริโภค

สารสกัดยอดนิยมในอาหารเสริมผู้หญิง

  • สารสกัดเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract)
  • สารสกัดใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract)
  • สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract)
  • สารสกัดจากถั่วขาว (White Kidney Bean Extract)
  • สารสกัดจากงาดำ (Sesamin Extract)

สารสกัดเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract)

ตั้งแต่อดีตคนโบราณไม่เพียงใช้องุ่นเพื่อการบริโภคหรือการดื่มเท่านั้น แต่ยังมีการนำองุ่นไปทำเป็นยาอีกด้วย หลายส่วนของต้นองุ่นได้ถูกนำไปใช้สำหรับทำเป็นยาสมุนไพร จนกระทั่ง ค.ศ.1970 นักชีวเคมีชาวฝรั่งเศสได้นำเอาเมล็ดองุ่นไปทำการสกัดและในที่สุดก็ได้พบสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากชื่อว่า Oligomeric Proanthocyanidin Complexes หรือ OPCs

Oligomeric Proanthocyanidin Complexes หรือ OPCs เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นกว่าวิตามินซี 20 เท่า ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว ปรับสภาพให้ขาวกระจ่างใสขึ้น จุดเด่นของสารสกัดเมล็ดองุ่นอยู่ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอย่าง “คอลลาจน” ในชั้นผิว และปกป้องเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเด็กลง คำแนะนำคือ ควรทานสารสกัดเมล็ดองุ่นคู่กับวิตามินซี เพราะจะช่วยกระตุ้นให้วิตามินซี ออกฤทธิ์ได้ดีและแทรกซึมเข้าในทุกเซลล์ของร่างกาย

สารสกัดใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract)

ใบแปะก๊วยเป็นสมุนไพรจีนเก่าแก่ ขึ้นชื่อเรื่องของการบำรุงร่างกาย โดยอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ไม่จะเป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ชะลอเรื่องตาเสื่อมและลดอาการจอประสาทต่อเสื่อมในผู้สูงอายุ สารไบโลบาไลด์ (Bilobalides) และกิงโกไลด์ (Ginkgolides) ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในร่างกาย ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดี ป้องกันอัลไซเมอร์และช่วยเสริมสร้างความจำได้ ที่สำคัญสารสกัดจากใบแปะก๊วยยังช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้าได้ด้วย เพราะทานแล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น

สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica Extract)

ด้วยสรรพคุณอันเลอค่าที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่า สารสกัดใบบัวบกนั้น เป็นตัวช่วยเพิ่มพลังงานสมองได้อย่างดีเยี่ยม เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงมากกว่า 40 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) ซึ่งจะช่วยป้องกันและชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง เหมาะสำหรับคนที่กำลังหาตัวช่วยชีวิตบำรุงร่างกาย เวลาทำงานหนัก แทนวิตามินบีรวม อีกทั้ง สารสกัดใบบัวบก ยังช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดจากการทำงานได้

สารสกัดจากถั่วขาว (White Kidney Bean Extract)

เป็นสารสกัดยอดนิยมสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก คุมน้ำหนัก หรืออยากหุ่นสวย ซึ่งในถั่วขาวอุดมไปด้วยสารฟลาซิโอลามีน (Phaseolamin) ที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์อะไมเลส จะย่อยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ไม่ให้ดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องได้อีกด้วย ความพิเศษของสารสกัดถั่วขาวอยู่ที่ แม้จะลดแป้งและไขมันได้ดีมาก แต่ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อที่ออกกำลังกายดูลีบลง

สารสกัดงาดำ (Sesamin Extract)

งาดำ เป็นอีกหนึ่งสารสกัดธรรมชาติที่อุดมไปด้วยโภชนาการที่มีคุณค่ามากมายไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 6 ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี ทองแดง วิตามินอี และยังมีสาระสำคัญอย่าง เซซามิน (Sesamin) และสารเซซาโมลิน (Sesamolin) ที่มีฤทธิ์ในการดีท็อกซ์สารพิษจากร่างกาย โดยสารสกัดจากงาดำ มีฤทธิ์ในการเพิ่มอัตราการกำจัดสารพิษ ต้านแบคทีเรีย ช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลและยับยั้งการสร้างคอเลสเตอรอลในตับ ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้เป็นต้น

การจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสักตัวเพื่อบำรุงร่างกายนั้น ไม่เพียงเลือกสารสกัดหรือผลลัพธ์ที่ต้องการเท่านั้น จะต้องดูส่วนอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น เป้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้รับการรับรองจากอย. หรือไม่ ส่วนประกอบหรือสารสกัดอื่น ๆ ที่ผสมลงไปมีอะไรบ้าง เราแพ้สารสกัดเหล่านั้นหรือไม่ โรงงานที่ทำการผลิตมีมาตรฐานหรือไม่ เพื่อให้การบริโภคอาหารเสริมนั้นปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

สรุป

อาหารเสริม เป็นเพียงตัวช่วยในการบำรุงร่างกายในเรื่องที่ต้องการเท่านั้น ไม่สามารถทานเป็นมื้อหลักได้ ดังนั้นในมื้อหลักควรทานอาหารให้ 5 หมู่ หากเพิ่มสารอาหารที่ต้องการช่วยบำรุงได้ยิ่งดี แต่ถ้าหากทานแล้วยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือไม่อาหารทานอาหารที่มีสารอาหารเหล่านั้นได้ จึงควรหันมาทานอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอในการบำรุงร่างกาย

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.beautycosmet.com

biopharm.co.th

ไขความลับเกี่ยวกับแพคเกจจิ้งแบรนด์ดัง

ไขความลับเกี่ยวกับแพคเกจจิ้งแบรนด์ดัง

ไม่ว่าจะแวดวงธุรกิจไหน ก็จะมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่าแบรนด์อื่นเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอาหารเสริมหรือเครื่องสำอาง ซึ่งสิ่งที่ทำให้แบรนด์เหล่านั้นสามารถโด่งดังกว่าแบรนด์ นอกจากสินค้าที่มีคุณภาพ การทำการตลาดสินค้าที่ดีแล้ว แพคเกจจิ้ง (Packaging) ก็ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะสร้างความโดดเด่นดึงดูดสายตาผู้บริโภคแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้า รวมไปถึงเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย

เคยสังสัยกันหรือไม่ว่าทำไมแบรนด์อาหารเสริมหรือเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียง ที่ถึงแม้จะมีการออกแบบแพคเกจจิ้งออกมาดูเรียบง่าย ลวดลายไม่เยอะ แต่ดูดี ดูแพงได้ เพราะว่าการใส่ลวดลายหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ลงไปในแพคเกจจิ้งอาจไม่ได้ช่วยให้สินค้าของแบรนด์ดูโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ดังนั้นวันนื้ Kovic จะมาไขความลับที่ทำให้แพคเกจจิ้งของคุณดูดีและทำให้ยอดขายปังเหมือนกับแบรนด์ดัง

สไตล์ (Style)

อย่างแรกคือ สไตล์ (Style) คุณจะต้องกำหนดภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าของคุณให้ชัดเจนว่า คุณมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าวัยใด เพศอะไร วางขายแบบไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณตีกรอบสไตล์การออกแบบได้ง่ายขึ้น ต่อจากนั้นให้คุณสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือสร้างภาพลักษณ์ที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกออกมาผ่านรูปแบบในสไตล์ต่าง ๆ ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์หของแบรนด์มากที่สุด เช่น สไตล์มินิมอล สไตล์หรูหรา หรือสไตล์สีสันสดใสน่ารัก

โดยคุณสามารถหาแนวการออกแบบที่ชอบได้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วลองนำรูปแบบที่ชอบมาเปรียบเทียบกันหลายรูป ๆ เพื่อใช้เป็นไอเดียในการออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงแบรนด์สินค้าของคุณมากที่สุด

โทนสี (Color)

ในการเลือกสีของแพคเกจจิ้ง จะต้องเป็นสีที่เข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสีที่สามารถดึงดูดสายตา และความสนใจของผู้บริโภค และที่สำคัญจะต้องโดดเด่นกว่าสินค้าแบรนด์อื่น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้ทันทีที่พบเห็น ตัวอย่าง เทรนด์การแต่งหน้าโทนสีชมพู แบรนด์สินค้าส่วนมากจะออกแบบกล่องแพคเกจจิ้ง เป็นโทนสีชมพูแบบเดียวกันหมด เพื่อให้สีกล่องกลมกลืนไปกับเนื้อสีด้านใน

ดังนั้นเมื่อคุณออกแบบแพคเกจจิ้ง เป็นสีชมพูเหมือนแบรนด์อื่นๆ มันก็ไม่มีความแตกต่างและไม่ดึงดูดสายตาลูกค้าได้เลย คุณควรใช้ช่องทางนี้ในการออกแบบโทนสีที่ตัดกับสีชมพูไปเลย เพื่อให้เกิดความโดดเด่นและสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณ หรือการใช้โทนสีตรงข้ามกับผลิตภัณฑ์ เช่น ครีมทามือที่ให้ความรู้สึกอ่อนโอน โดยทั่วไปจะเป็นแพคเกจจิ้งโทนสีอ่อน คุณลองเปลี่ยนเป็นสีสันสดใสก็ได้อารมณ์ความรู้สึกใหม่ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ได้

สีกับการออกแบบ

รู้หรือไม่ 90% ในการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคมาจากสีสันบนแพคเกจจิ้ง ซึ่งสีที่ใช้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์สินค้าได้ ดังนั้น เราต้องรู้จักเลือกสีให้เข้ากับสินค้าที่เราจะขาย มาดูกันว่าแต่ละสีนั้นสื่อสารความหมายออกมาอย่างไรบ้าง

  • โทนสีม่วง : แสดงพลังลึกลับ จิตวิญญาณและความยิ่งใหญ่ มีเสน่ห์ น่าติดตาม
  • โทนสีน้ำเงิน : ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ สุขุม
  • โทนสีฟ้า : ปลอดโปร่ง โล่งสบาย ให้ความรู้สะอาดและปลอดภัย
  • โทนสีเขียว : รู้สึกถึงความผ่อนคลาย รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ เพิ่มความสดชื่น
  • โทนสีเหลือง : มองโลกในแง่บวก สดใสร่าเริง
  • โทนสีส้ม : ช่วยเพิ่มความสนุกและสร้างสรรค์ มีความมั่นใจและความกระตือรือร้น ความสดใส มีชีวิตชีว
  • โทนสีแดง : สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ สมบูรณ์แบบ ช่วยดึงดูดความสนใจ ให้ความรู้สึกมั่นใจ และสื่อถึงการมีสุขภาพที่ดี
  • โทนสีชมพู : ความอ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนหวาน สื่อถึงความน่ารัก ความสดใส
  • โทนสีน้ำตาล : แสดงถึงความเป็นชาย ความแข็งแกร่ง อีกในหนึ่งก็แผงความหมายถึงธรรมชาติ
  • โทนสีดำ : ลึกลับ หนักแน่น เข้มเข็ง อดทน และมีพลัง
  • โทนสีขาว : บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิดเผย
  • ฟอยล์ทอง : ความหรูหรา มีราคา
  • ฟอยล์เงิน : ทันสมัย คลาสสิค

เทรนด์สีแพคเกจจิ้ง ปี 2021

ทุกปีวงการงานออกแบบทั้งแฟชั่นเครื่องแต่งกาย การตกแต่งบ้าน รวมไปถึงงานออกแบบกล่องแพคเกจจิ้ง ต่างรอคอยการอัพเดตเทรนด์สีจากศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (Thailand Creative & Design Center : TCDC) ในปี 2021 ที่กำลังจะใกล้เข้ามา ทาง TCDC ได้สรุปโทนสีที่กำลังมาแรงให้คุณได้นำไปใช้ในงานออกแบบ มีทั้งหมด 7 สี ดังต่อไปนี้

  • สีขาว Egret เป็นสีของความเคารพ การเกิดใหม่ แสงสว่าง และความสะอาดบริสุทธิ์
  • สีเทา Blue Fog เป็นสีของความสงบและความผ่อนคลาย
  • สีเขียว Canton เป็นสีแห่งชีวิต การบำบัดรักษา และสิ่งแวดล้อม
  • สีฟ้า Cyan Blue เป็นสีของการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ซึ่งเป็นสีที่ตระหนักถึงปัญหามลพิษทางทะเล และย้ำเตือนให้คิดถึงคุณค่าของท้องทะเล รวมไปถึงสะท้อนถึงการเริ่มต้นของเทคโนโลยีทางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
  • สีม่วง Petunia เป็นสีของความล้ำสมัย ความเท่าเทียมในทุกเพศสภาพ ทั้งนี้ยังเป็นสีแห่งเทคโนโลยี
  • สีส้มอมชมพู Desert Flower เป็นสีของความมีชีวิตชีวา ความอ่อนโยน ซึ่งในปีนี้ สีนี้จะเป็นสีแห่งการมองหาสิ่งเรียบง่าย ไม่ปรุงแต่ง
  • สีส้มแสด Fiesta เป็นสีตัวแทนของพลังใจ กระตุ้นการรับรู้ และอีกแง่หนึ่ง คือ สีมงคลแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นสีที่สร้างพลังตอบสนองต่อจิตใจเมื่อมองเห็นได้อย่างดี

ฟ้อนต์อักษร (Font)

การเลือกฟ้อนต์ต้องคำนึงถึงความโดดเด่น น่าสนใจ และแปลกตาเช่นกัน ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับสไตล์ของแบรนด์ เช่น ฟ้อนต์ตัวอักษรหนาจะช่วยสร้างความโดดเด่น ฟ้อนต์ตัวอักษรบางจะเน้นความเรียบง่าย สบายตา นอกจากนี้เรื่องความเหมาะสมของตัวฟ้อนต์บนตัวกล่องแพคเกจจิ้งก็สำคัญ หากว่ากล่องแพคเกจจิ้งของคุณมีขนาดเล็ก ฟ้อนต์ที่ใช้ก็ไม่ควรจะใหญ่หรือมีสีฉูดฉาดจนเกินไป ในขณะเดียวกันหากว่ากล่องแพคเกจจิ้งมีขนาดใหญ่ ฟ้อนต์ก็จะต้องไม่เล็กและบางจนลูกค้ารู้สึกว่าอ่านยากเกินไป

สรุป

การออกแบบแพคเกจจิ้งนั้นมีส่วนสำคัญ 3 อย่าง คือ สไตล์ โทนสีและฟ้อนต์ ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้จะต้องแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและบ่งบอกถึงตัวแบรนด์ออกมามากที่สุด เพื่อดึงดูดสายตาของผู้บริโภคให้จับจ้องมาที่สินค้าของแบรนดและตัดสินใจซื้อสินค้า ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่ง

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.bkkpaperbox.com

โรงงานอาหารเสริม

รู้จักโพรไบโอติก สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่จำเป็นกับสุขภาพ

รู้จักโพรไบโอติก สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่จำเป็นกับสุขภาพ

ในร่างกายของคนเรานั้นมีเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรียเหล่านั้นมีประโยชน์กับร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยหนึ่งในจุลินทรีย์ที่มีการพูดถึงมากที่สุดก็คือ โพรไบโอติก (Probiotic) โดยวันนี้ทาง Kovic จะไปรู้จักกับโพรไบโอติก สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่จำเป็นกับสุขภาพ

โรงงานอาหารเสริม

โพรไบโอติก คืออะไร

โพรไบโอติก (Probiotic) เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กซึ่งจัดเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดี สามารถพบได้ในอาหาร เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารให้คำจำกัดความว่า โพรไบโอติกคือ จุลินทรีย์ที่มีชีวิต เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้สุขภาพดีในภาวะต่าง ๆ โดยเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถจับที่บริเวณผิวของเนื้อเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้”

โพรไบโอติกและพรีไบโอติกต่างกันอย่างไร

มีผู้บริโภคหลายคนสับสนกับ 2 คำนี้ และเกิดความสงสัยว่ามันก็คืออย่างเดียวกันหรือคนละอย่าง อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า โพรไบโอติก (Probiotic) นั้นเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการย่อยพรีไบโอติกเพื่อกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดนี้ในลำไส้ และช่วยให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้เจริญเติบโต

ส่วน พรีไบโอติก (Prebiotic) คืออาหารชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็ก อาหารเหล่านี้จึงสามารถเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ได้ในรูปที่ไม่เปลี่ยนแปลง และจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติก ทำให้กระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรีย พบได้หัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่าง ๆ เป็นต้น

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ พรีไบโอติกเป็นอาหารของโพรไบโอติกนั่นเอง ดังนั้นหากรับประทานอาหารพวกพรีไบโอติกก็จะช่วยส่งเสริมฤทธิ์โพรไบโอติกได้ดียิ่งขึ้น

ทำไมเราถึงควรได้รับโพรไบโอติกส์เสริม

โพรไบโอติกจัดเป็นจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นหรือ Normal Flora อย่างหนึ่งในทางเดินอาหาร หากร่างกายมีสุขภาพดีก็จะมีการรักษสมดุลจุลินทรีย์ให้เป็นปกติ แต่ถ้าหากมีอะไรไปรบกวนสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย จุลินทรีย์ประจำถิ่นลำไส้ถูกรุกราน อาจเกิดผลกระทบตามมาได้

หากร่างกายได้รับยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน ยาเหล่านี้ส่งผลให้จุลินทรีย์ในร่างกายมีจำนวนลดลง เมื่อร่างกายมีการรับเชื้ออื่นซึ่งอาจก่อโรคเข้ามา อาจมีโอกาสสูญเสียจุลินทรีย์ดีในร่างกายได้ ดังนั้นการสร้างสภาวะความสมดุลระหว่าง Normal Flora และร่างกายนั้นจึงมรความสำคัญ ซึ่งการรับประทานโพรไบโอติกจึงเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการเสริมจุลินทรีย์ชนิดดี และรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย

โพไบโอติก มีกี่กลุ่ม

โพรไบโอติกนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้

  • แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) เป็น แบคทีเรียชนิดดีในกลุ่มของโพรไบโอติกที่พบได้มากที่สุด โดยสามารถพบได้ในอาหารจำพวก โยเกิร์ต นมเปรี้ยว อาหารหมักดองต่าง ๆ ดีต่อระบบขับถ่าย และดีต่อผู้ที่มีประสบปัญหาไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมได้
  • ไบฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ดีที่สุด สามารถพบได้ในอาหารจำพวกผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน

นอกจากจุลินทรีย์สองกลุ่มใหญ่แล้ว อีกส่วนหนึ่งของโพรไบโอติกก็ยังเป็นเชื้อยีสต์ ได้แก่ แซคคาดรไมซิส (Saccharomyces boulardii) เป็นยีสต์ที่พบได้ในกลุ่มของโพรไบโอติก มีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และบรรเทาอาการปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบทางเดินทางอาหาร

บทบาทของโพรไบโอติกในร่างกาย

โพรไบโอติกมีบทบาทมากมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆ ในร่างกายดังนี้

  • ป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคจับที่ผิวเยื่อบุลำไส้ โดยการสร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อฉวยโอกาสในร่างกาย
  • กระตุ้นระบบการย่อยอาหารโดยการสร้างเอนไซม์หลากหลายชนิด
  • ช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายที่เสียไป
  • เหนี่ยวนำการกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้มีการสร้างสารป้องกันและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เข้าสู่ภาวะสมดุลได้

โพรไบโอติกมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

จากการศึกษาพบว่าโพรไบโอติกมีประโยชน์ในการรักษาหรือช่วยบรรเทาความผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกายเช่น

  • โรคระบบทางเดินอาหาร อาการลำไส้แปรปรวน, กรดไหลย้อน, ท้องผูก, ท้องร่วงจากการติดเชื้อ, ท้องร่วงอันเกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน, ภาวะไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส
  • โรคภูมิแพ้ ผื่นผิวหนัง, ภูมิแพ้อากาศ
  • โรคทางอวัยวะสืบพันธุ์ ภาวะติดเชื้อในช่องคลอด, ช่องคลอดแห้งหลังหมดประจำเดือน
  • โรคทางเดินปัสสาวะ ภาวะติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ

ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น โดยมีการปรับสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะสมและเสริมฤทธิ์กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโพรไบโอติก โดยประเภทและสายพันธุ์ของโพรไบโอติกที่ต่างกันล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังจากรับประทานโพรไบโอติก

ส่วนใหญ่มักพบเมื่อมีการรับในขนาดที่สูงเกินไป โดยอาจจะทำให้เกิดภาวะลมในท้องเพิ่มขึ้น เกิดท้องอืดหรือแน่นท้องได้

สรุป

เพื่อช่วยดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น การรับประทานโพรไบโอติก จึงเป็นตัวเสริมในการซ่อมแซมสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่การซ่อมแซมร่างกายให้ได้ผลและยั่งยืนที่สุดคือการจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ และปรับสมดุลในการใช้ชีวิต โดยการทานอาการที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยบำรุงสุขภาพได้อย่างแท้จริง

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา

www.bumrungrad.com

medthai.com

ฆอ. จำเป็นแค่ไหนกับอาหารเสริม

ฆอ. จำเป็นแค่ไหนกับอาหารเสริม

ในยุคที่อาหารเสริมนั้นมีอยู่ทั่วไปเกลื่อนตลาด หันไปทางไหนก็เจอแต่อาหารเสริมหลากหลายแบรนด์ ซึ่งการจะทำให้สินค้าของแบรนด์แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง หรือทำให้สินค้ากลายเป็นที่รู้จัก โดยวิธีที่เห็นกันบ่อยที่สุดก็คือ การโฆษณา ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตามอย่างเช่น โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น

รับผลิตอาหารเสริม

เมื่อต้องการโฆษณาสินค้า ก็ต้องมีการพูดถึงสรรพคุณต่าง ๆ ของสินค้าให้ดูน่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อ ซึ่งมีสินค้าจำนวนไม่น้อยที่มีการโฆษณาเกินจริง ถ้าได้ผลภายในวันนั้นวันนี้ หรือเห็นผลชัวร์ 100% ทั้งที่ตัวสินค้าจริง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น และที่สำคัญคือสินค้าและแบรนด์เหล่านั้นอาจจะยังไม่มี ฆอ. หรือใบอนุญาตโฆษณาอาหาร

ซึ่งก็โดนกันไปหลายรายแล้วสำหรับวงการอาหารเสริมและเครื่องสำอาง เพราะว่าตอนนี้ทาง อย. เขาเอาจริง จับจริง สำหรับแบรนด์อาหารเสริม และเครื่องสำอางชื่อดังที่โดนทีต้องสะดุ้งกันทั้งวงการ ถ้าไม่มี ฆอ. ทั้งเรื่องของการโฆษณาเกินจริง และเรื่องของการใส่ส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค งานนี้ทั้งอย. และสคบ. โดนคำสั่งมาให้คุมเข้มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากยิ่งขึ้น เตรียมกวาดล้างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานกันอย่างจริงจัง

เพราะฉะนั้น ฆอ. จึงมีเข้ามาบทบาทในเรื่องของการโฆษณาของอาหารเสริมและเครื่องสำอาง ดังนั้นในวันนี้ทาง Kovic จะมาบอกว่าทำไม ฆอ. จึงมีจำเป็นกับธุรกิจอาหารเสริม

การโฆษณา หมายถึง

การโฆษณา (Advertising) เป็นการนำเสนอข่าวสารการขาย หรือแจ้งข่าวสารให้บุคคลที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทราบเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือแนวความคิด โดยเจ้าของสินค้าและบริการทั้งหลายนั้นได้มีการจ่ายเงินเพื่อเป็นการใช้สื่อ และเป็นการเสนอข้อมูลที่ไม่ใช่เป็นการส่งบุคคลเข้าไปติดต่อโดยตรง

โดยจุดมุ่งหมายของการโฆษณา คือ การขายสินค้า แต่จุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นฉับพลันก็คือ การติดต่อสื่อสาร (Immediate purpose is to communicate) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แอบแฝงด้วย

ใบขออนุญาตโฆษณาอาหาร (ฆอ.) จำเป็นมาก แค่มีก็ไม่เสี่ยงคุก

ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอ ฆอ. ในเมื่อเรามีใบรับรองจาก อย. อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วการขอ ฆอ.เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ถ้าผลิตภัณฑ์ของเรายังต้องถูกนำใส่ปาก นอกจากใบรับรองต่าง ๆ ที่ได้จาก อย. แล้ว การขอใบอนุญาตโฆษณาอาหาร หรือ ฆอ. จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้การโฆษณาของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น

ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตราที่ 40, 41, 42 ผู้ประกอบการสินค้าใด ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารและยา ที่ต้องการจะโฆษณาคุณประโยชน์ หรือสรรพคุณสินค้า ต้องนำข้อความที่จะโฆษณาเหล่านั้นมาขออนุญาตก่อน เมื่อผ่านการพิจารณาจึงจะสามารถนำไปใช้ในการโฆษณาได้

การขอ ฆอ. คือการขออนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์ของคุณที่เป็นอาหารหรือยาลงบนสื่อต่าง ๆ เป็นใบรับรองว่าผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ได้มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงแต่อย่างใด ทุกถ้อยคำบนโฆษณาสามารถเชื่อถือได้

สามารถโฆษณาโดยไม่ขอ ฆอ. ได้หรือไม่ ?

สำหรับผู้ประกอบการที่ทำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องนำเข้าสู่ปาก ไม่จำเป็นต้องขอก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมจิตสำนึกของการเป็นพ่อค้า แม่ค้าที่ดีด้วย ว่าไม่ควรโฆษณาเกินจริง อย่าหลอกลวงคนซื้อ เพราะความจริงใจคือสิ่งสำคัญในการขายของทุกอย่าง

โฆษณาที่ไม่ต้องนำมายื่นขออนุญาต

  • โฆษณาที่ไม่มีการกล่าวอ้างถึงสรรพคุณ คุณภาพ คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อาหาร หรือไม่มีการแสดงข้อมูลด้วยภาพ ข้อความ สัญลักษณ์ หรืออื่นใด ที่อาจเชื่อมโยงให้เข้าใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารมีสรรพคุณ คุณภาพ คุณประโยชน์ของอาหารตามข้อมูลนั้น ๆ
  • การให้ข้อมูลทางวิชาการ ที่ไม่เชื่อมโยงให้เข้าใจได้ว่าเป็นสรรพคุณ คุณภาพ คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อาหารอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้า
  • การโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขาย เช่น การลด แลก แจก แถมของรางวัล ชิงโชค โดยไม่มีการแสดงสรรพคุณ คุณภาพ คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อาหาร

สำหรับเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือหรือผลิตภัณฑ์ชา กาแฟ ต่าง ๆ ควรจะขอเอาไว้ เพราะถ้าไม่ได้ขอแล้วทำการโฆษณาตามอำเภอใจ อาจโดนโทษทั้งจำทั้งปรับ ตามราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตราที่ 70, 71, 72 ได้

การขอ ฆอ. ที่ผู้ประกอบการควรรู้

ใครที่อยากจะทำเนียนไม่ขอ เพราะคิดว่าขอยาก จะปล่อยผ่านโฆษณาไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าคงงไม่มีใครมาตรวจสอบ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ เพราะการขอ ฆอ. ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่กังวลกัน ปัจจุบันก็มีเอเจนซี่หลายที่เปิดบริการรับขอ ฆอ. ให้อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการได้มากทีเดียว และสำหรับใครที่อยากจะยื่นเรื่องขอด้วยตัวเองสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

หรืออีกหนึ่งทางเลือกก็คือ เลือกอาหารเสริมที่มีบริการยื่นเรื่องขอ ฆอ. โดยทาง Kovic  มีบริการ One Stop – Service ที่นอกจากรับจดแจ้งเลข อย. แล้ว ยังมีบริการยื่นขอ ฆอ. เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์มีความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปดำเนินการหลายที่

แบบไหนถึงเรียกว่าอวดอ้างเกินจริง

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไม โฆษณาบางตัวถึงมีคำต้องห้ามได้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ประกอบการบางคนตบตีกับ Facebook แทบตาย แต่ก็ไม่สามารถทำโฆษณาได้ บางโฆษณาสามารถใช้คำว่า “ธรรมชาติ” “ปลอดภัย” “ไม่ใส่วัตถุกันเสีย” ทั้ง ๆ ที่คำเหล่านี้ ก็เข้าข่ายคำโฆษณาเกินจริงหรือเปล่า ? นั่นเป็นเพราะว่า ผู้ประกอบการเหล่านั้นยื่นขอ ฆอ. ใช้คำเหล่านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีบางคำที่ไม่สามารถขอ ฆอ.ได้ เพราะถือว่าเป็นคำกล่าวอ้างเกินจริงได้แก่ ยอด, ดีเลิศ,  เด็ดขาด,  อันดับ 1,  ศักดิ์สิทธิ์, มหัศจรรย์, ที่สุด,  สุดยอด, เยี่ยม,  เยี่ยมยอด,  ยอดเยี่ยม, ดีที่สุด, เลิศที่สุด, ชนะเลิศ,  เลิศเลอ,  ดีเด็ด,  สุดเหวี่ยง,  วิเศษ, ฮีโร่,  บริสุทธิ์, ล้ำเลิศ, ชั้นเลิศ, เลิศล้ำ, เด็ด, หนึ่งเดียว, พิเศษ,  ยอดไปเลย, โดดเด่น,  ปาฏิหาริย์

คำเหล่านี้ ล้วนเป็นคำที่ให้ผลโฆษณาที่ดีมาก ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนต่างหยิบยกมาใช้กัน แม้จะรู้ว่ามันเป็นคำอวดอ้างเกินจริงก็ตาม เพราะเหตุนี้ จึงต้องมี ฆอ. ออกมาเพื่อควบคุมการโฆษณาอาหารและยา ไม่ให้อวดอ้างเกินจริงจนส่งผลให้ ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดได้

สรุป

จากที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมดก็พอจะบอกได้แล้วว่า ฆอ. นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างมาก เพราะการโฆษณาต้องมาคู่กับการขายของอยู่แล้ว ดังนั้นควรยื่นขอ ฆอ. กันไว้ดีกว่า เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคด้วยการแสดงเลขอนุญาตโฆษณา การจำหน่ายสินค้าแบบสุจริตใจย่อมให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : stopmean.wordpress.com

adsidea.net

สมุนไพรเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย

สมุนไพรเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย

สมรรถภาพทางเพศถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ชาย เพราะไม่เพียงแค่เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับคู่รักอีกด้วย แต่ก็มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่มีความกังวลใจในเรื่องดังกล่าว จนอาจจะหาหนทางรักษาโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ตามท้องตลาดที่อ้างสรรพคุณว่าช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศได้

รับผลิตอาหารเสริม

เนื่องจากการมีสมรรถภาพทางเพศที่ดีคือส่วนหนึ่งของสุขภาพกายใจที่สมบูรณ์แข็งแรง เพิ่มความพึงพอใจให้กับคนรัก ช่วยตัดปัญหาที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคู่ครอง อีกทั้งยังแสดงถึงความเป็นชาย ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเองได้เป็นอย่างดี จึงเป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายหลายคนถึงต้องการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของตนนั่นเอง

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ผู้ที่ประสบปัญหารังควาญใจอย่างภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออาการนกเขาไม่ขัน (Erectile Dysfunction) อาจมีอาการเช่น องคชาตไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอจะมีเพศสัมพันธ์ มีความต้องการทางเพศลดลง มีความผิดปกติในการหลั่งอสุจิ โดยอาจมีปัญหาหลั่งเร็วหรือช้าเกินไปเป็นต้น

ซึ่งอาการเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งจากโรคประจำตัวและภาวะทางสุขภาพต่าง ๆ เช่น กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคหลอดเลือด โรคในระบบประสาทและสมอง โรคไต ร่างกายมีสารอนุมูลอิสระในปริมาณมากเป็นต้น รวมไปถึงการใช้ยารักษาโรค การผ่าตัด การบาดเจ็บ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยทางด้านอารมณ์และจิตใจอย่างภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้เช่นกัน

สมรรถภาพเพศชายเพิ่มได้ด้วยการปรับพฤติกรรม

การเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมีวิธีมากมายที่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรง และโรคประจำตัวของผู้ป่วยด้วย โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดน้ำหนักหากอยู่ในภาวะอ้วน จัดการกับความเครียด เลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิดเป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการรักษาทางเลือกอื่น ๆ ที่อาจช่วยรักษาและบรรเทาปัญหานี้ได้แก่ การใช้สมุนไพร การรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ การใช้ฮอร์โมนบำบัด การใช้กระบอกสุญญากาศ การใช้ยาสอดเข้าทางท่อปัสสาวะ การใช้ยาฉีด การผ่าตัด และการใส่แกนอวัยวะเพศเทียม

สมุนไพรในอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรมากมายที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศแก่ผู้ชายได้ ซึ่งก็มีงานวิจัยบางส่วนศึกษาว่าสมุนไพรบางชนิดรักษาภาวะนี้ได้จริง โดยเฉพาะสมุนไพรที่ได้รับความสนใจและนิยมรับประทานกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • กระชายดำ
  • ตรีผลา
  • เห็ดหลินจือ
  • โสม
  • เมล็ดองุ่นสกัด
  • เปลือกสน
  • เจียวกู่หลาน
  • โกจิเบอร์รี่

กระชายดำ

กระชายดำ หรือที่รู้จักกันในชื่อโสมไทย เป็นพืชในวงศ์เดียวกับกระชาย ข่า ขิง และขมิ้น โดยในตำรายาไทยระบุว่า กระชายดำมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งการแพทย์พื้นบ้านของไทยได้นำกระชายดำมาใช้เป็นเวลาหลายร้อยปี

ด้านการทดลองเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระชายดำในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ มีงานวิจัยที่ทดลองในกลุ่มอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้สูงอายุจำนวน 45 คน โดยให้ผู้ทดลองรับประทานสารสกัดจากกระชายดำปริมาณ 90 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 2 เดือน หลังการทดลองพบว่ากลุ่มอาสาสมัครผู้สูงอายุมีสมรรถภาพทางเพศที่ดีขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียง

ตรีผลา

ตรีผลาถูกนำมาใช้เป็นยาอายุวัฒนะนานนับพันปี โดยประกอบไปด้วยผลไม้แห้ง 3 ชนิด ได้แก่ สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม อาจกล่าวได้ว่าการผสมผสานนี้ทำให้ตรีผลามีสรรพคุณทางยามากมายอย่างช่วยลดความเครียดหรือต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จากการศึกษาค้นคว้าในสัตว์ทดลองที่ผ่านมาก็พบว่า ตรีผลาช่วยป้องความเครียดได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีงานวิจัยที่เผยว่า ตรีผลาอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยให้ผู้ประสบปัญหานกเขาไม่ขันมีอาการดีขึ้น

เห็ดหลินจือ

โรคหรือภาวะทางจิตใจอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ทางเพศได้ เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความเครียด ความเหนื่อยล้า ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาด้านความสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งเห็ดหลินจือเป็น 1 ในสมุนไพรมีการกล่าวอ้างสรรพคุณว่าสามารถต้านอาการอ่อนเพลียและช่วยรักษาโรคซึมเศร้าได้

โดยงานค้นคว้าหนึ่งได้ทดลองประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเห็ดหลินจือกับอาสาสมัคร 48 คน ผลลัพธ์ที่ได้คือ เห็ดหลินจืออาจมีคุณสมบัติในการลดอารมณ์ซึมเศร้าและอาการของโรควิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

โสม

สมุนไพรชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในตำราแพทย์แผนจีนเพื่อบำรุงสุขภาพและรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมานานนับศตวรรษ โดยการศึกษากับหนูทดลองชิ้นหนึ่งพบว่า โสมแดงมีประสิทธิภาพช่วยรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในหนูที่ป่วยด้วยกลุ่มอาการอ้วนลงพุง ทั้งยังช่วยยับยั้งการเกิดพังผืดบริเวณกล้ามเนื้อคอร์ปัส คาเวอร์โนซัม (Corpus Cavernosum) ขององคชาตอีกด้วย

เมล็ดองุ่นสกัด

นอกจากโรคประจำตัวและปัญหาสุขภาพจิตแล้ว ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Hypogonadism) ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้เช่น โดยภาวะดังกล่าวเกิดจากลูกอัณฑะผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนได้ไม่เพียงพอ ซึ่งฮอร์โมนนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดความต้องการทางเพศและการผลิตน้ำอสุจิ

โดยหลายคนเชื่อว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นอาจมีคุณสมบัติช่วยป้องกันภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานินในปริมาณสูง ทั้งนี้ มีการศึกษาชิ้นหนึ่งสนับสนุนสรรพคุณในข้อนี้ โดยค้นคว้าในหนูทดลองแล้วพบว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยเพิ่มปริมาณของน้ำอสุจิในหนูทดลองได้

เปลือกสน

จากการศึกษาทดลองที่ผ่านมาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสารสกัดจากเปลือกสนต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศและคุณภาพของอสุจิ พบว่าการรับประทานสารสกัดจากเปลือกสนคู่กับแอลอาร์จินีนอาจช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และช่วยพัฒนาคุณภาพของอสุจิให้ดีขึ้นได้

เจียวกู่หลาน

น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดเจียวกู่หลานมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระโดยตรง ทั้งยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่ทำการศึกษาในสัตว์และห้องทดลองแล้วพบว่า เจียวกู่หลานมีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงอาจเป็นได้ถึงสรรพคุณในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศของสมุนไพรนี้

โกจิเบอร์รี่

หลายคนเชื่อกันว่าโกจิเบอร์รี่มีประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดน้ำหนัก บำรุงสายตา และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จึงมีการศึกษาค้นคว้าโดยให้หนูทดลองกินสารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ทุกวันในปริมาณ 150 และ 300 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอาจส่งผลเชิงบวกต่อสมรรถภาพทางเพศได้

นอกจากนั้น อีกหนึ่งงานวิจัยในหนูทดลองยังชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่อาจช่วยฟื้นฟูเส้นประสาทบริเวณองคชาตและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้นอีกครั้ง

สรุป

สมุนไพรในอาหารเสริมที่ได้พูดถึงกันไปนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการทดลองแล้วเห็นผลก็ตามที แต่สมุนไพรบางตัวก็ยังเป็นการทดลองแค่ในสัตว์เท่านั้น ดังนั้นควรศึกษาให้แน่ใจก่อน นอกจากนี้การพิจารณาด้วยตนเองในเบื้องต้น ผู้บริโภคควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรให้ดีก่อนรับประทานยาหรืออาหารเสริมสมุนไพรใด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากพบว่ามีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นหลังใช้อาหารเสริมเหล่านั้น

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : https://www.pobpad.com/

ประโยชน์ของเบต้ากลูแคน (Beta Glucan)

ประโยชน์ของเบต้ากลูแคน (Beta Glucan)

เบต้ากลูแคน คืออะไร

เบต้า-กลูแคน เป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต พบได้ในผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ สาหร่าย หรือพืชชนิดต่าง ที่พบได้จากอาหารตามธรรมชาติ ได้แก่ ธัญพืช เห็ด และยีสต์

เบต้า-กลูแคน ในธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว จะมีคุณสมบัติในการลดระดับไขมัน และน้ำตาลในเลือด

โรงงานอาหารเสริม

เบต้า-กลูแคน ในเห็ด เช่น เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ เห็ดยามาบูชิตาเกะ จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และลดปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง

เบต้า-กลูแคน ยังสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิวและปกป้องผิวจากรังสี UV ผิวพก็ตาม ควรมีการศึกษาวิจัยทาง

ประโยชน์ เบต้ากลูแคน

1. บรรเทาโรคมะเร็งร้าย

เบต้ากลูแคนจะช่วยให้เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกันด่านแรกของเราทำลายเชื้อโรค และเซลล์แปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเบต้ากลูแคนยังเพิ่มจำนวน และกระตุ้นการทำงานของเลือด ให้กำจัดเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น

2. เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน

เบต้ากลูแคน เป็นเส้นใยอาหารที่สามารถชะลอไม่ให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป ทำให้น้ำตาลค่อย ๆ ไหลเข้าสู่กระแสเลือดแบบที่ควรจะเป็น ลดระดับความต้องการอินซูลินของร่างกายลงได้ อีกทั้งเบต้ากลูแคนยังเป็นสารอาหารที่ช่วยฟื้นฟูสภาพของตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลินตามธรรมชาติ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

3. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดง

เบต้ากลูแคนจะช่วยให้คอเลสเตอรอลในเลือดของคุณลดลงได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดความเสี่ยงของโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือดแดง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก ป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอย่างได้ผล

 4. ชะลอวัย ผิวหนังเต่งตึง เพิ่มความยาวนานให้วัยหนุ่มสาว

เบต้ากลูแคนมีประโยชน์ในการกระตุ้นเซลล์ในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างเส้นใยที่ทำหน้าที่ผลิตสารสำคัญที่จำเป็นต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น คอลลาเจน อีลาสติน รวมทั้งกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น ลดริ้วรอย ผิวดูมีน้ำมีนวล ชุ่มชื้น และที่สำคัญคือ เบต้ากลูแคนจะช่วยให้โครงสร้างผิวหนังของเราแข็งแรง คงรูป ไม่อ่อนเหลว กลับเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง

 5. ช่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) เบต้ากลูแคนมีคุณสมบัติเข้าไปช่วยเพิ่มจำนวนและกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่คอยจำแนกสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สามารถตรวจพบสิ่งผิดปกติได้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันที่เคยทำงานผิดปกติ สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ตัวเอง

เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารที่ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งเบต้ากลูแคนจะเข้าไปลดสารที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการภูมิแพ้ อีกทั้งยังควบคุมไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากเกินไป 

7. เบต้ากลูแคน ช่วยสมานแผล

เบต้ากลูแคนยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่น โดยสามารถรักษาแผลผิวหนังอักเสบได้ โดยเบต้ากลูแคนจะเข้าไปเพิ่มภูมิต้านทานของเม็ดเลือดขาวให้เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นตัวหลักในการรักษาแผลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น แผลจากศัลยกรรม ผ่าตัด เบาหวาน และรักษาอาการผิวแห้ง ซึ่งเบต้ากลูแคนช่วยให้แผลหายไว รอยแผลเป็นจางลง ลดการติดเชื้อ และลดอัตราการตายของเซลล์

8. ลดการติดเชื้อ

เบต้ากลูแคน ช่วยลดปัญหาการติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งการติดเชื้อจากการผ่าตัด และการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน ทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันกำจัดเชื้อแบคทีเรีย โดยเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของเซลล์ อีกทั้งยังมีการใช้เบต้ากลูแคนในการลดการติดเชื้อในกระแสเลือด ด้วยการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้เพิ่มภูมิคุ้มกันมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด

9. รักษาและบรรเทาระบบทางเดินอาหาร

เบต้ากลูแคนช่วยบรรเทาอาการท้องผูก หรือโรคที่เกิดจากภาวะทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายกลับไปสู่ภาวะปกติ เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มท้องง่าย อีกทั้งเบต้ากลูแคนยังเป็นอาหารของพรีไบโอติกในลำไส้ ที่จะช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ลดภาวะกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหารอีกมากมาย

เบต้ากลูแคนถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารเสริมและความงาม ด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมอาหาร

ด้านการแพทย์   ถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคของมนุษย์  เบต้ากลูแคนเป็นตัวปรับการตอบสนอง ทางชีวภาพ ความสามารถในการเสริมสร้างและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ของมนุษย์ ต้านโรคภูมิแพ้ โรคสะเก็ดเงิน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เบต้ากลูแคนถูกประยุกต์ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ ทางเภสัชกรรม ทางการเกษตร และทางอุตสาหกรรม

ด้านอุตสาหกรรมอาหารเสริมและความงาม   สอดคล้องกับประโยชน์ทางการแพทย์  ทำให้มีอาหารเสริมหลายชนิดที่ใช้ส่วนประกอบจากเบต้ากลูแคนเข้าไป  เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคทั้งในด้านส่งเสริมสุขภาพและความสวยงาม

ด้านการเกษตร  ในการเลี้ยงสัตว์เช่น สัตว์ปีก ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของสัตว์เหล่านั้น สัตว์จะมีน้ำหนักตัวมากและมี ปริมาณของเนื้อมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือสัตว์ปราศจากโรคทำให้เพิ่มความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ด้านอุตสาหกรรมอาหาร  สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นอาหาร เช่นเป็น สารให้ความเข้มข้น สารทดแทนไขมันและเป็นสารให้ ความคงตัว น้าไปผลิตน้ำสลัดให้มีรสชาติที่ดีขึ้น อาหาร ทะเลแช่แข็ง ซอส โยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ ทั้งนี้ ยังสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการทำเค้กได้อีก

สรุป

เบต้ากลูแคน มีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ ภูมิคุ้มกันหรือแม้แต่การติดเชื้อ ในอาหารเสริมบางส่วนจึงมีส่วนผสมของเบต้ากลูแคน เพื่อให้สารตัวนี้เข้าไปช่วยในเรื่องต่าง ๆ ที่แบรนด์ต้องการ

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง 

1.วารสารเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยสยาม ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2561 “การสกัดและการประยุกต์ใช้เบต้ากลูแคนจากยีสต์”

2.https://omgthailand.net/12-benefits-of-beta-glucan/

ผู้สูงอายุจำเป็นจะต้องกินอาหารเสริมหรือไม่

ผู้สูงอายุจำเป็นจะต้องกินอาหารเสริมหรือไม่

อาหารเสริม ถือเป็นอาหารที่ช่วยเสริม เพิ่มเติมขึ้นจากอาหารปกติ การที่เราจะต้องกินอาหารเสริมกก็เพื่อทดแทนสารอาหารบางอย่างที่เราอาจจะขาด หรือได้รับไม่เพียงพอจากอาหารมื้อปกติที่กินกันอยู่ทุกวัน รวมไปถึงบางคนที่ร่างกายผิดปกติ จนทำให้ได้รับสารอาหารบางอย่างน้อยกว่าคนธรรมดาที่มีสุขภาพร่างกายปกติ

โรงงานอาหารเสริม

แต่สำหรับผู้สูงอายุหลายท่านนั้นอาจมีความกังวลว่า เมื่อสุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ ไปตามกาลเวลา ทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือลูกหลานของผู้สูงอายุนั้นมีคำถามเกิดขึ้นว่า ผู้สูงอายุจำเป็นต้องกินอาหารเสริมด้วยหรือไม่ วันนี้เราไปหาคำตอบในเรื่องนี้กัน

ผู้สูงอายุจำเป็นต้องกินอาหารเสริมหรือไม่

จากข้อมูลในหนังสือ “มหัศจรรย์อาหารชะลอวัย” ของคุณศัลยา คงสมบูรณ์ ระบุว่า แม้อาหารเสริมจะไม่สามารถอดแทนอาหารหลักที่ต้องบริโภคชีวิตประจำวัน แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ปะสิทธิภาพในการย่อย และการดูดซึมสารอาหารลดลง การเสริมวิตามินและเกลือแร่ให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของแต่ละคน นับเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่ง

การเสริมวิตามิน และเกลือแร่รวมทำให้มั่นใจว่า ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารพื้นฐานที่ร่างกายต้องการครบถ้วน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และลดการติดเชื้อในสูงอายุได้ วิตามินบีรวมซึ่งมีกรดโฟลิก วิตามินบร 6 และวิตามินบี 12 ในปริมาณ 100% ของความต้องการในแต่ละวัน สามารถช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และเส้นเลือดในสมองตีบ ทั้งยังช่วยเลือดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุด้วย

อาหารเสริมเพื่อผู้สูงอายุ

เมื่อร่างกายของผู้สูงอายุเริ่มดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ น้อยลง ส่งผลให้ร่างกายมีอาการต่าง ๆ ปรากฏออกมา ดังนั้นการทานอาหารเสริมจึงเป็นช่วยที่จำเป็นผู้สูงอายุ โดยอาหารเสริมเพื่อผู้สูงอายุนั้นมีดังต่อไปนี้

แคลเซียม

แคลเซียม และวิตามินดีเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างและรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง และส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อและหลอดเลือดเพื่อหดตัว หากผู้สูงอายุได้รับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้กระดูกเปราะและหักง่ายได้ ผู้หญิงและผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,200 มก. และ 1,000 มก. ต่อวันตามลำดับ

วิตามินดี

วิตามินดีเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ ร่างกายสามารถรับวิตามินดีโดยการให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดช่วงเช้าประมาณ 10 นาที แนะนำให้ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือสามารถรับประทานนมเสริมวิตามินดี , ไขมันจากปลา หรือทูน่ากระป๋อง โดยผู้สูงอายุควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 600 หน่วยสากลต่อวัน

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 เป็นส่วนสำคัญในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและช่วยให้เส้นประสาทแข็งแรง เมื่อายุมากขึ้นร่างกายสามารถสร้างกรดในกระเพาะย่อยสารอาหารได้น้อยลง ทำให้ได้รับวิตามินบี 12 ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่โรคโลหิตจางและอ่อนเพลียง่าย โดยควรได้รับวิตามินบี 12 ประมาณ 2.4 ไมโคกรัมต่อวัน

วิตามินบี 6

วิตามินบี 6 นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและระบบเมทาบอลิซึมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินบี 6 ได้เอง จะได้รับจากกล้วย, ผลิตภัณฑ์จากนมถั่วเหลือง, ธัญพืชต่าง ๆ หริอเนื้อสัตว์แทน ผู้สูงอายุผู้ชายควรได้รับวิตามินบี 6 ประมาณ 1.7 มก. และส่วนผู้หญิงควรได้รับประมาณ 1.5 มก. ต่อวัน

ไฟเบอร์

เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายก็เสื่อมสภาพลง ไม่ว่าจะเป็นประสาทระบบเผาผลาญ รวมถึงระบบขับถ่ายด้วย โดยผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเกิดอาการท้องผูกมากกว่าคนหนุ่มสาว ฉะนั้นผู้สูงอายุควรบริโภคอาหารที่มี ไฟเบอร์สูง จำพวกผักใบเขียว และผลไม้หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของไฟเบอร์ เพื่อจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีระสิทธิภาพ

โพแทสเซียม

ในหมู่ผู้สูงอายุเรามักจะพบกับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอยู่เป็นจำนวนมาก ฉะนั้นร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารอาหารโพแทสเซียม ซึ่งจะคอยควบคุมความดันโลหิต ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นสารอาหารกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย

ข้อแนะนำควรทราบก่อนกินอาหารเสริม

การเสริมสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินดี, แคลเซียม มีข้อควรระวังขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน การกินอาหารเสริมของผู้สูงอายุจึงควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด

ผู้สูงอายุควรกินอาหารอย่างไร เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

ข้อแนะนำในการกินอาหารที่ผู้สูงอายุควรทำ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

ข้อแนะนำในการกินอาหารที่ผู้สูงอายุควรทำ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงคือ

  • กินอาหารให้เป็นเวลาสม่ำเสมอ ไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
  • กินอาหารหลากหลาย ไม่จำเจ
  • กินอาหารมื้อเล็ก ๆ เพื่อลดปัญหาอาหารไม่ย่อย
  • กินอาหารว่างระหว่างมื้อ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอ
  • กินอาหารอ่อน เคี้ยวง่าย กลืนง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีฟัน หรือใส่ฟันปลอม
  • ลดอาหารเค็มจัด เพื่อป้องกันความดันโลหิตสูง และบวมน้ำ
  • ลดอาหารทอดกรอบ และของมันเช่น กะทิ เนยเทียม เนยขาว

สรุป

ผู้สูงอายุนั้นจำเป็นจะต้องกินอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ แต่ก็ไม่ควรนำอาหารเสริมมาแทนอาหารมื้อหลัก ควรทานอาหารมื้อหลักเป็นหลักแล้วจึงเสริมด้วยอาหารเสริม ทั้งนี้ทั้งนั้นการบริโภคอาหารเสริมก็ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากการกินอาหารเสริม

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.sanook.com

www.watsons.co.th

www.foodstory.co

รวมสารสกัดตัวเด็ด ช่วยบำรุงสมอง

รวมสารสกัดตัวเด็ด ช่วยบำรุงสมอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สมอง เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ของร่างกาย เนื่องจากคนเราจะต้องใช้งานสมองอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะทำอะไร เช่น กิน เดิน นั่ง หรือแม้แต่เวลาที่เรานอนสมองก็ยังทำงานอยู่ ดังนั้นสมองควรจะเป็นอวัยวะที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด แต่กลับกันนั้นไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่นั้นเต็มไปด้วยกิจกรรมที่ส่งผลเสียต่อสมอง เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การไม่ออกกำลังกาย หรือกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์

รับผลิตอาหารเสริม

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันได้มีการคิดค้นหาวิธีการในการบำรุงสมองกันออกมามากมาย ซึ่งวิธีที่ดูเหมือนจะได้ผลมากที่สุดก็คือ การรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงสมอง เพื่อเป็นการดูแลสมองจากภายใน ดังนั้นในวันนี้ทาง Kovic จึงได้รวบรวมสารสกัดตัวเด็ดในช่วยบำรุงสมองมาฝากกัน โดยมีดังต่อไปนี้

สารสกัดที่ช่วยบำรุงสมอง

  • ใบแปะก๊วย
  • วิตามินบีรวมสกัด
  • โอเมก้า 3
  • ธาตุเหล็ก
  • นมผึ้ง
  • ไอโอดีน
  • ใบบัวบก

สารสกัดจากใบแปะก๊วย

สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นหนึ่งในสารสกัดที่ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงสมอง โดยเฉพาะกับคนที่กำลังมองหาอาหารเสริมเพื่อมาช่วยในเรื่องการเรียน หรือคนที่อยากเสริมสร้างสมาธิและความทรงจำให้ดีขึ้น เนื่องจากในใบแปะก๊วยอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และเทอร์ปินอยด์ (Terpenoids) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ช่วยเพิ่มพูนการรับรู้ของสมองและทำให้มีสมาธิดี

นอกจากนี้ในใบแปะก๊วยก็ยังมีสารฟอสฟาติดิลซีรีน (Phosphatidylserine) ที่มีส่วนช่วยพัฒนาความทรงจำและป้องกันอาการสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ จึงบอกได้ว่าสารสกัดจากใบแปะก๊วยคืออาหารเสริมบำรุงสมองวัยเรียนอย่างแท้จริง

วิตามินบีรวมสกัด

ถ้าใครเคยสงสัยว่าวิตามินอะไรบำรุงสมอง ให้จำกันให้ดีเลยว่าคำตอบก็คือวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเติมเต็มให้ระบบการทำงานของประสาทและสมองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การที่ร่างกายได้รับวิตามินบี 12 จะส่งผลให้สมองโล่ง ปลอดโปร่ง รู้สึกสบายหัว และความคิดไหลลื่นมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในวิตามินบีรวมจะมี โคลีน สารอาหารที่พบได้ในไข่แดง ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนาสมองของเด็ก เพราะมีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาทในสมอง ซึ่งมีผลต่อระบบการเรียนรู้และระบบความจำ

สารสกัดโอเมก้า 3

ส่วนประกอบสำคัญของโอเมก้า 3 ก็คือ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อการทำงานของเซลล์สมอง เพราะ DHA จะเป็นตัวช่วยในการเจริญเติบโตของปลายประสาท ทำให้การถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูลของเซลล์สมองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ข้อมูลอีกอย่างที่คุณควรรู้คือร่างกายของคนไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ขึ้นเองได้ห เราจะได้รับ DHA จากการทานอาหารเท่านั้น

ธาตุเหล็กสกัด

ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการนำออกซิเจนในเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้เซลล์สมองสามารถเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอนั้นมีผลโดยตรงกับการพัฒนาสติปัญญา การเรียนรู้ และไอคิว

สังเกตได้จากเด็กที่มีภาวะเหล็กพร่องจะมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ ดังนั้นธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญมากต่อเด็กทารกและเด็กวัยกำลังโตนั่นเอง

สารสกัดจากนมผึ้ง

สารสกัดนมผึ้ง นับว่าเป็นสารอาหารที่มากคุณประโยชน์หและสามารถช่วยดูแลร่างกายได้ครบทุกมิติ ซึ่งก็รวมถึงสมองและระบบประสาทด้วยเพราะในนมผึ้งจะมีสารเรียกว่า “อะเซทิลคอลีน” (acetylcholine) ซึ่งเป็นสารที่สามารถช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ความดันเลือดลดลง เลือดสามารถไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีและยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีอาการเครียดมา หรือเครียดบ่อย ๆ สารสกัดจากนมผึ้งก็สามารถช่วยได้ เพราะในนมผึ้งมีกรดชนิดหนึ่งที่เรียกว่า 10-HDA ซึ่งเป็นกรดจากธรรมชาติที่สามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับสมอง ทำให้อารมณ์ดีมีความสุขและช่วยให้หนอนหลับสบาย

ไอโอดีน

เคยได้ยินกันไหมว่า “สมองดีเริ่มที่ไอโอดีน” ซึ่งเหตุผลที่มีคำกล่าวแบบนี้ก็เพราะไอโอดีนนั้นเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อสมองอย่างมาก โดยไอโอดีนนั้นมีส่วนช่วยสมองในการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่มีบทบาทในการควบคุมการเผาผลาญสารอาหาร และสารพลังงานให้กับร่างกาย

 นอกจากนี้ไทรอยด์ยังเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาการความจำ และระดับสติปัญญาอีกด้วย

สารสกัดจากใบบัวบก

ใบบัวบก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาทและสมอง เมื่อนำมาทำเป็นสารสกัดจะช่วยให้มีความเข้มข้นและคุณค่าที่เพิ่มขึ้น หากรับประทานจะช่วยให้มีความจำและระบบความคิดที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือสามารถช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ในกลุ่มผู้สูงอายุได้

นอกจากนี้สรรพคุณของใบบัวบกยังช่วยส่งเสริมการทำงานของสารสื่อประสาทภายในสมอง ซึ่งส่งผลต่อการรักษาสมดุลของจิตใจ ช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ลดความกังวลและกระวนกระวาย ช่วยให้นอนหลับง่าย และยังป้องกันอาการโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย

สรุป

สารสกัดเหล่านี้นั้นสามารช่วยบำรุงสมองของคนเราจากภายในได้ก็จริง แต่อย่าลืมว่าสารสกัดเหล่านั้นเป็นสารสกัดอาหารเสริม ซึ่งอาหารเสริมไม่ใช่อาหารหลัก ดังนั้นควรกินอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน ในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตครีม รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มาข้อมูล

www.pakazybeauty.com

Top 3 รูปแบบอาหารเสริมในการสร้างแบรนด์

Top 3 รูปแบบอาหารเสริมในการสร้างแบรนด์

ต้องยอมรับกันเลยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คนไทยหันมาสนใจอาหารเสริมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society ที่มีประชากรสูงวัยมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งสถิติล่าสุดในประเทศไทยนั้นมีผู้สูงอายุเกือบ 12 ล้านคนหรือคิดเป็น 13% ของคนไทยทั้งประเทศเลยทีเดียว

ผลิตอาหารเสริม

แน่นอนว่าเมื่อประชากรผู้สูงอายุมากขึ้น การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายและการเลือกรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตลาดอาหารเสริม จะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7 – 8% ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตเร็วมาก ๆ และทำให้มีผู้คนมากมายหันมาสนใจเป็นเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมมากขึ้น สังเกตได้จากแบรนด์อาหารเสริมต่าง ๆ ที่มีให้เลือกซื้อกันอย่างมากหน้าหลายตาในท้องตลาด

ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เจ้าของแบรนด์มือใหม่หรือผู้ที่สนใจในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมจะต้องรู้ก็คือ อาหารเสริมมีหลากหลายรูปแบบ เห็นได้จากในท้องตลาดที่มีทั้งแบบผงชงดื่ม แบบเม็ด แบบแคปซูล หรือแบบเซฟเจล แต่ในจำนวนรูปแบบอาหารเสริมเหล่านั้น ก็จะมีรูปแบบที่เป็นที่นิยม สามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ วันนี้โควิก เคทท์ เลยจะพาทุก ๆ คนมารู้จักกับ Top 3 รูปแบบอาหารเสริมที่นิยมในการสร้างแบรนด์ จะมีรูปแบบอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย

อาหารเสริมรูปแบบเม็ด (Tablet)

อาหารเสริมรูปแบบเม็ด เป็นรูปแบบอาหารเสริมที่สามารถพบได้ในแบรนด์ต่าง ๆ บ่อยมากที่สุด โดยลักษณะอาหารเสริมแบบเม็ดนั่นคือ การนำผงยา หรือสารสกัดต่าง ๆ ที่ต้องการมาอัดผสมรวมเป็นเม็ดในขนาดที่ต้องการได้ โดยทางเจ้าของแบรนด์นั้นสามารถกำหนดความเข้มข้น ปริมาณสารอาหาร รวมไปถึงรูปแบบของเม็ดได้อาทิเช่น ทรงกลม ทรงรี ทรงเหลี่ยม เคลือบเม็ดหรือไม่เคลือบเม็ด

ข้อดีของอาหารเสริมรูปแบบเม็ด

  • เมื่อทานเข้าไปสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว
  • สามารถกำหนดเวลาในการดูดซึมและออกฤทธิ์ได้
  • เก็บรักษาได้นาน สามารถเก็บได้นาน 1 – 3 ปี
  • สามารถควบคุมขนาดของสารสกัดและปริมาณของสารได้
  • สามารถกำหนดรูปทรง ขนาด และน้ำหนักตัวเม็ดได้

ข้อเสียของอาหารเสริมรูปแบบเม็ด

  • รับรู้ถึงรส และกลิ่นสัมผัสมากกว่ารูปแบบอื่น อาจทำให้ขม หรือมีกลิ่นแรงเมื่อทาน
  • เมื่อผลิตในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ เช่น ค่ากล่อง ค่าฟอยล์แผงเป็นต้น
  • รับประทานยาก สำหรับผู้บริโภคบางคนอาจเกิดการสำลัก หรือติดคอ
  • บางแบรนด์มีการทำสารเคลือบหวาน ทำให้กลืนง่าย

อาหารเสริมรูปแบบซอฟเจล (Softgel)

อาหารเสริมรูปแบบซอฟเจล อาจพบได้ไม่มากเท่าอาหารเสริมรูปแบบเม็ด อาจจะด้วยรูปแบบการใช้งาน หรือสารบางอย่างที่ไม่สามารถอยู่ในรูปแบบเม็ดได้ โดยอาหารเสริมรูปแบบซอฟเจล คือ รูปแบบที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว เนื่องจากสารบางชนิดไม่สามารถสกัดให้อยู่ในรูปของผงแห้งได้ เหมาะสำหรับการบรรจุสารที่เป็นน้ำมันเช่น น้ำมันปลา, น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันดอกคำฝอย

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงวิตามินที่ละลายได้ในน้ำมันเช่น วิตามินเอ, วิตามินดี, วิตามินอี, วิตามินเค และสารที่ละลายในน้ำมันเช่น Coenzyme Q10, Lecithin, Lutein เป็นต้น เพื่อให้สารเหล่านี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของอาหารเสริมรูปแบบซอฟเจล

  • เปลือกของซอฟเจลเป็นเจลาตินแบบนิ่ม ง่ายต่อการรับประทาน
  • สามารถป้องกันกลิ่นของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ดี
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของร่างกายให้นำไปใช้ได้ดีขึ้น
  • สามารถมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมภายใน เนื่องจากซอฟเจลนั้นจะต้องปิดสนิท ไม่รั่วซึม

ข้อเสียของอาหารเสริมรูปแบบเม็ด

  • กระบวนการผลิตอาศัยเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการผลิตสูง
  • หากเกิดการกดทับ มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ารูปแบบอื่น ๆ
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว หน้ามัน หรือไขมันส่วนเกิน อาจหลีกเลี่ยงสารที่อยู่ในรูปแบบน้ำมัน

อาหารเสริมรูปแบบผงชงดื่ม (Powder)

อาหารเสริมรูปแบบผงชงดื่ม เป็นอาหารเสริมที่สามารถผสมผสานสารสกัดได้หลากหลายรูปแบบ แต่ก็ส่งผลให้ขนาดของซองผลิตภัณฑ์มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมไปถึงน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย แต่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการใส่ในกระป๋องแทนการใส่แบบซอง

โดยอาหารเสริมรูปแบบผงชงดื่มเป็นรูปแบบอาหารเสริมที่รับประทานได้ง่าย เพียงผงผสมกับน้ำเปล่าให้เข้ากันก็สามารถทานได้ทันที โดยอาหารเสริมยอดนิยมที่ทำเป็นรูปแบบผงชงดื่มได้แก่ คอลลาเจน, ไฟเบอร์ และดีท็อกซ์เป็นต้น

ข้อดีของอาหารเสริมรูปแบบผงชงดื่ม

  • สามารถแต่งกลิ่น แต่งรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้น
  • มีฤทธิ์ในการดูดซึมได้ดี
  • สามารถเพิ่มสารสกัดต่าง ๆ ได้ตามต้องการได้ในซองเดียว ไม่จำเป็นต้องรับประทานแบบเม็ดครั้งละลายเม็ด

ข้อเสียของอาหารเสริมรูปแบบเม็ด

  • สามารถใส่ได้เพียงสารสกัดที่ละลายได้ในน้ำ ส่วนสารสกัดที่ละลายในไขมันจะต้องผ่านเทคนิคเอนแคปซูเลชั่นให้ละลายน้ำได้จึงจะสามารถทำเป็นผงได้
  • ต้องเก็บให้พ้นจากความชื้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย
  • ถ้าผลิตในปริมาณมากส่งผลต่อขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ ราคาก็จะสูงตาม

สรุป

รูปแบบอาหารเสริมนั่นเป็นเพียงตัวเลือกในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมเท่านั้น ไม่ใช่ว่ารูปแบบไหนได้รับความนิยมมากที่สุดก็จะไปผลิตรูปแบบนั้น การเลือกรูปแบบอาหารเสริมควรเลือกจากอาหารเสริมที่ต้องการผลิต ว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นเป็นอย่างไร ใช้สารสกัดอะไร และควรเลือกรูปแบบอาหารเสริมแบบไหนถึงจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มากที่สุด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ออกมาสมบูรณ์และมีคุณภาพมากที่สุด

โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตเครื่องสำอาง รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.at-z.co.th